ต่อไป »

https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2/@19.4960505,97.9606285,16.47z/data=!4m5!3m4!1s0x30d00f5774e5fa29:0x4032effabfa9c06f!8m2!3d19.4991667!4d97.9622222

[เกือบสิบโมงเช้าเราก็เก็บข้าวของจรลีออกจากปางอุ๋งครับ..ท่านประธานแวะเข้าไปที่ภูโคลนเพื่อช้อปสินค้าบำรุงผิวไปฝากภรรยา..วิ่งลงมาจนผมเห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์เสถียรแล้วก็เลยโทรแจ้งข่าวผลประกอบการกับน้า"สุชิน ฟักอ่อน"..มหามิตรผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้หมายกะเต็นขาว-ดำใหญ่นี้มา..พอผมแจ้งว่าทางลงไปหมายลำบากมาก..น้าสุชินร้องว่าอ้าว..ลงไปทำไม..เค้าถ่ายกันที่สันของพนังกั้นน้ำข้างบน..โดยเอากิ่งไม้วางพาดขอบสันแล้วเอาก้อนหินทับโคนไม้ให้นิ่ง..ไอ้ข้างล่างที่ริมอ่างน้ำนั่นมีแต่น้าชาญชัยที่ลงไปเพื่อรอถ่ายเจ้ากะเต็นจับปลามาฟาดกิน...ซึ่งมีโอกาสได้ภาพน้อยมาก.....อ้าว...นี่ผมเฝ้าผิดหมายหรือนี่...ท่านประธานได้ยินผมคุยอยู่ก็กลับรถทันที..วิ่งไปที่โรงไฟฟ้าเพื่อไปบอกกับพี่เล็กว่าเราจะไปเฝ้าเจ้ากะเต็นโดยคืนนี้จะขอนอนค้างที่สันเขื่อนเลย..จากนั้นวิ่งหามื้อเที่ยงและข้าวกล่องสำหรับมื้อเย็น..เตรียมอัฐบริขารแล้วย้อนกลับมาที่สันเขื่อนครับ....ภาพประกอบแสดงถึงจุดถ่ายที่เมื่อครั้งก่อนผมเดินลงไปชายน้ำด้านล่างตามลูกศรสีฟ้านั่น..ส่วนครั้งนี้พาดกิ่งไว้ตรงสันขอบพนังกั้นน้ำตรงขีดแดง..และกางไบลด์ที่วงกลมสีแดงครับ..]

เกือบสิบโมงเช้าเราก็เก็บข้าวของจรลีออกจากปางอุ๋งครับ..ท่านประธานแวะเข้าไปที่ภูโคลนเพื่อช้อปสินค้าบำรุงผิวไปฝากภรรยา..
วิ่งลงมาจนผมเห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์เสถียรแล้วก็เลยโทรแจ้งข่าวผลประกอบการกับน้า"สุชิน  ฟักอ่อน"..มหามิตรผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้หมายกะเต็นขาว-ดำใหญ่นี้มา..
พอผมแจ้งว่าทางลงไปหมายลำบากมาก..น้าสุชินร้องว่าอ้าว..ลงไปทำไม..เค้าถ่ายกันที่สันของพนังกั้นน้ำข้างบน..โดยเอากิ่งไม้วางพาดขอบสันแล้วเอาก้อนหินทับโคนไม้ให้นิ่ง..
ไอ้ข้างล่างที่ริมอ่างน้ำนั่นมีแต่น้าชาญชัยที่ลงไปเพื่อรอถ่ายเจ้ากะเต็นจับปลามาฟาดกิน...ซึ่งมีโอกาสได้ภาพน้อยมาก..
...อ้าว...นี่ผมเฝ้าผิดหมายหรือนี่...ท่านประธานได้ยินผมคุยอยู่ก็กลับรถทันที..วิ่งไปที่โรงไฟฟ้าเพื่อไปบอกกับพี่เล็กว่าเราจะไปเฝ้าเจ้ากะเต็นโดยคืนนี้จะขอนอนค้างที่สันเขื่อนเลย..
จากนั้นวิ่งหามื้อเที่ยงและข้าวกล่องสำหรับมื้อเย็น..เตรียมอัฐบริขารแล้วย้อนกลับมาที่สันเขื่อนครับ..
..ภาพประกอบแสดงถึงจุดถ่ายที่เมื่อครั้งก่อนผมเดินลงไปชายน้ำด้านล่างตามลูกศรสีฟ้านั่น..ส่วนครั้งนี้พาดกิ่งไว้ตรงสันขอบพนังกั้นน้ำตรงขีดแดง..และกางไบลด์ที่วงกลมสีแดงครับ..

[ส่วนวงกลมแดงนี้คือจุดจอดรถและกางเต็นท์เพื่อแรมคืนที่นี่ครับ..]

ส่วนวงกลมแดงนี้คือจุดจอดรถและกางเต็นท์เพื่อแรมคืนที่นี่ครับ..

[ราวบ่ายสองเราก็ไปกางไบลด์เพื่อหวังเจ้ากะเต็นที่อาจมารอบเย็น..เดินผ่านใต้ต้นไม้เห็นเจ้านี่กำลังอิ่มอร่อยกับมื้อบ่ายเลยเก็บภาพมาครับ..สิ่งที่บินได้ดันถูกสิ่งที่บินไม่ได้กิน..ธรรมชาติช่างไม่เป็นธรรมเลย..]

ราวบ่ายสองเราก็ไปกางไบลด์เพื่อหวังเจ้ากะเต็นที่อาจมารอบเย็น..เดินผ่านใต้ต้นไม้เห็นเจ้านี่กำลังอิ่มอร่อยกับมื้อบ่ายเลยเก็บภาพมาครับ..
สิ่งที่บินได้ดันถูกสิ่งที่บินไม่ได้กิน..ธรรมชาติช่างไม่เป็นธรรมเลย..

[จากนั้นนั่งไบลด์จนหกโมงเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้ากะเต็น..เก็บของกลับมาที่เต็นท์ทานมื้อเย็นแล้วชงชา-กาแฟแก้หนาว..นอนกันอยู่แค่สองคนท่ามกลางป่าใหญ่ไพรกว้าง..ก็อย่างที่บอกว่าคนตระกูลนี้แม้แต่ผียังต้องหลบ..เราไม่กลัวผีสางนางไม้ครับ...เพียงต้องระวังสัตว์ป่าสิ่งมีพิษและผู้ร้ายไอ้โจร..แต่ก็ยังพออุ่นใจที่มีเครื่องเจาะกระดาษขนาด 9 มม.นอนอยู่ด้วย..]

จากนั้นนั่งไบลด์จนหกโมงเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้ากะเต็น..
เก็บของกลับมาที่เต็นท์ทานมื้อเย็นแล้วชงชา-กาแฟแก้หนาว..นอนกันอยู่แค่สองคนท่ามกลางป่าใหญ่ไพรกว้าง..
ก็อย่างที่บอกว่าคนตระกูลนี้แม้แต่ผียังต้องหลบ..เราไม่กลัวผีสางนางไม้ครับ...เพียงต้องระวังสัตว์ป่าสิ่งมีพิษและผู้ร้ายไอ้โจร..แต่ก็ยังพออุ่นใจที่มีเครื่องเจาะกระดาษขนาด 9 มม.นอนอยู่ด้วย..

[พอตีห้าก็ลุกไปกางไบลด์เฝ้ากะเต็นอีกครั้ง...รอจนเก้าโมงเช้าก็ไม่มีวี่แวว..แห้วแน่นอนแล้ว..ก็ถอนไบลด์เดินกลับมาเก็บเต็นท์...จังหวะนี้มีเจ้าหน้าที่ของเขื่อนที่ขึ้นมาตัดหญ้าขับรถกระหืดกระหอบมาบอกว่าเห็นนกบินอยู่แถวท้ายสปีลเวย์..พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย..เฝ้าอยู่สองวันก็ไม่มา...พอเก็บไบลด์ปุ๊บมาปั้บ..เจ้าหน้าที่พาท่านประธานไปดูนกส่วนผมเก็บเต็นท์รอ..แต่พอท่านประธานกลับมาถึงก็บอกว่าที่ว่านกมานั่นมันนกกระยางที่เราเห็นมันมาหากินที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่เช้าแล้วนั่นแหละ..ไม่ใช่กะเต็นขาว-ดำใหญ่...โล่งใจไปที..ฮ่าๆๆ...หลายๆท่านคงจะงงงงว่าแค่นกตัวเดียวทำไมต้องทุ่มเทเวลากันถึงเพียงนี้...ก็คงต้องแจ้งว่ากะเต็นขาว-ดำใหญ่เป็นสายพันธ์กะเต็นที่หายากเป็นอย่างยิ่ง..ในประเทศไทยถือว่าเสี่ยงที่จะสูญพันธ์แล้ว..มีที่ได้พบเจอและถ่ายได้น้อยครั้งมาก..คือมีที่นี่และที่อุทยานแม่วงก์กำแพงเพชรครับ...และที่แม่วงก์นั้นไม่มีใครพบเจอมาสองสามปีแล้ว..ที่นี่จึงเป็นแหล่งสุดท้ายที่ยังพอมีหวังบ้าง..เอารูปที่ผมถ่ายที่แม่วงก์เมื่อราวสามปีที่แล้วมาให้ชมครับ..กะเต็นขาว-ดำใหญ่ Crested Kingfisher. ขนาดราวๆ 38-41.5 เซ็นติเมตร..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

พอตีห้าก็ลุกไปกางไบลด์เฝ้ากะเต็นอีกครั้ง...รอจนเก้าโมงเช้าก็ไม่มีวี่แวว..
แห้วแน่นอนแล้ว..ก็ถอนไบลด์เดินกลับมาเก็บเต็นท์...จังหวะนี้มีเจ้าหน้าที่ของเขื่อนที่ขึ้นมาตัดหญ้าขับรถกระหืดกระหอบมาบอกว่าเห็นนกบินอยู่แถวท้ายสปีลเวย์..
พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย..เฝ้าอยู่สองวันก็ไม่มา...พอเก็บไบลด์ปุ๊บมาปั้บ..เจ้าหน้าที่พาท่านประธานไปดูนกส่วนผมเก็บเต็นท์รอ..
แต่พอท่านประธานกลับมาถึงก็บอกว่าที่ว่านกมานั่นมันนกกระยางที่เราเห็นมันมาหากินที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่เช้าแล้วนั่นแหละ..ไม่ใช่กะเต็นขาว-ดำใหญ่...โล่งใจไปที..ฮ่าๆๆ
...หลายๆท่านคงจะงงงงว่าแค่นกตัวเดียวทำไมต้องทุ่มเทเวลากันถึงเพียงนี้...ก็คงต้องแจ้งว่ากะเต็นขาว-ดำใหญ่เป็นสายพันธ์กะเต็นที่หายากเป็นอย่างยิ่ง..ในประเทศไทยถือว่าเสี่ยงที่จะสูญพันธ์แล้ว..
มีที่ได้พบเจอและถ่ายได้น้อยครั้งมาก..คือมีที่นี่และที่อุทยานแม่วงก์กำแพงเพชรครับ...และที่แม่วงก์นั้นไม่มีใครพบเจอมาสองสามปีแล้ว..ที่นี่จึงเป็นแหล่งสุดท้ายที่ยังพอมีหวังบ้าง..
เอารูปที่ผมถ่ายที่แม่วงก์เมื่อราวสามปีที่แล้วมาให้ชมครับ..กะเต็นขาว-ดำใหญ่ Crested  Kingfisher.  ขนาดราวๆ 38-41.5 เซ็นติเมตร
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

 

แห้ว......สนิท

[ในไทยจะเอาตัวนี้คงลำบากแล้วครับ..]

แห้ว......สนิท

ในไทยจะเอาตัวนี้คงลำบากแล้วครับ..