กุมภาพันธ์ 06, 2025, 09:04:00 PM
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
*

ไปร้องไห้ที่ ย่าติ่ง (แชงกรีล่า)
หน้า: « 1 2 3 4 5 6 7 8 »   ลงล่าง
  พิมพ์  

  ไปร้องไห้ที่ ย่าติ่ง (แชงกรีล่า)
ผู้เขียน ข้อความ
0 สมาชิก และ 36 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 04:10:30 PM »

ขโยกเดินทางกันต่อไป   เราเดินทางจากเมืองหลี่ถังอีกราว 130Km ก็เจอเข้ากับด่านที่ข้างหน้า   เจ้าหน้าที่โบกให้หยุดรถแล้วกระโดดขึ้นมาบนรถ  ขอตรวจเช็คเครื่อง GPS ประจำรถ  โดยกดดูว่ารถคันนี้มีการใช้ความเร็วเกินกำหนดหรือไม่  หากมีการใช้ความเร็วเกินกำหนด  เครื่อง GPS จะบันทึกไว้  หากเจ้าหน้าที่ตรวจเจอล่ะได้จับปรับกันอานเลยทีเดียว  นี่จึงเป็นสาเหตุให้ พขร. ต้องขับรถช้า  ไม่กล้าวิ่งเร็วเกินกำหนดอย่างเด็ดขาด   เมื่อกดดูแล้วไม่พบการบันทึกความเร็วผิดปกติแต่อย่างใด  เจ้าหน้าที่ก็ลงจากรถไปโดยไม่ได้สนใจนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราเลยแม้แต่น้อย   


* 67.JPG (309.55 KB, 1000x673 - ดู 83 ครั้ง.)

* 68.JPG (313.28 KB, 1000x673 - ดู 82 ครั้ง.)

* 69.JPG (323.52 KB, 1000x673 - ดู 82 ครั้ง.)


Share

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 04:11:30 PM »

ออกจากด่านรถก็เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เข้าถนน S216   เราใช้เส้นทางนี้วิ่งไปอีกพักใหญ่  ทุกคนก็ร้องว่า..จอด...ๆ.....  เพราะที่ซ้ายมือมีดงต้นไม้ที่ใบได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั้งดงเลยทีเดียว  เรามาทริปนี้ก็เพื่อสิ่งนี้  จะยอมให้พลาดได้อย่างไรกัน  พขร.  จอดรถให้พวกเราลงไปเก็บภาพ  ทุกคนคว้าอาวุธคู่มือได้ก็มุมใครมุมมัน  ราวครึ่งชั่วโมง  เสียงเจ้า Ricky ก็ตะโกนมาว่า “ไปได้เลี้ยว.... ไปได้เลี้ยว...”


* 70.JPG (316.81 KB, 1000x673 - ดู 82 ครั้ง.)

* 71.JPG (341.32 KB, 1000x673 - ดู 82 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 04:12:30 PM »


เราใช้เส้นทาง S216 ต่อมาอีกเพียงไม่นานนัก  ในยามโพล้เพล้ ก่อนจะเข้าเมืองเต้าเฉิง  พวกเราก็เหลือบไปเห็นเจดีย์สไตล์ทิเบตองค์หนึ่งเข้า   เราเรียกร้องให้จอดรถให้พวกเราลงไปถ่ายภาพ   แต่ไกด์เอาหูทวนลมเสีย  ครั้นพอพวกเราตะโกนขอหลายครั้งเข้า  เจ้า Ricky ก็บอกว่า มันเย็นมากแล้ว  จะถ่ายตรงนี้ก็ได้  แต่ขอติดค้างไว้เป็นตอนขากลับดีกว่า  เลยหน้าจ๋อยไปตามๆกัน  จากเจดีย์ราว 3-4 กิโลพวกเราก็มาถึงโรงแรม Jinzhu  ในเมืองเต้าเฉิง  หลายคนบ่นว่ามันยังไม่ไกลมากนัก  เดี๋ยวจะเดินย้อนกลับไปถ่ายเจดีย์เองก็ได้ (ว๊ะ)  แต่กว่าจะเช็คอินเข้าห้อง อาบน้ำลงมากินข้าว มันก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มกว่าแล้วแถมคืนนี้ไกด์สั่งทุกคนว่าให้ย้ายข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ลงกระเป๋าใบเล็ก  และเราจะฝากกระเป๋าใบใหญ่ทิ้งไว้ที่โรงแรมนี้   เพื่อความคล่องตัว    จะเอาไปเพียงกระเป๋าใบเล็กเท่านั้น  เพราะเราจะไปพักในย่าติ่งเพียงคืนเดียวเท่านั้น  และเราต้องเปลี่ยนไปใช้รถของทางอุทยาน   ทุกคนทำหน้าตื่นรวมทั้งผมด้วยเพราะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน  พวกเราจึงไม่มีใครเอากระเป๋าใบเล็กมาด้วย  บางคนจึงต้องออกไปเดินหาซื้อกระเป๋าเพิ่ม  เกิดความโกลาหลกันใหญ่   เรื่องจะเดินย้อนไปเจดีย์จึงเป็นอันต้องม้วนเสื่อไปอีก
ผมเองทีแรกก็คิดว่าจะเอากล้องและเลนส์บางตัวใส่ลงในกระเป๋าเสื้อผ้า  เอาไปเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น  แต่....  เจ้ากรรมแท้ๆ  ที่กระเป๋าใบนี้เป็นของลูกสาว  ผมขอยืมมาใช้ จึงไม่ได้ถามรหัสล๊อคกระเป๋า  ขืนซี๊ซั๊วใส่เลนส์เข้าไปโดยไม่ได้ล๊อคก็กลัวว่ากลับมาแล้วทั้งกล้องทั้งเลนส์มันหายไปจะทำยังไง  ไอ้ครั้นจะล๊อคก็ไม่รู้รหัสเปิด  เกิดล๊อคไปแล้วเปิดไม่ออกก็มีหวังเศร้าอีก  สุดท้ายก็เลยตัดสินใจแบกเอามันไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ  ฝากไว้เพียงกระเป๋าเสื้อผ้าก็พอ  แถมยังเอาเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวที่ต้องใช้ใส่ลงไปในกระเป๋ากล้องด้วย  กระเป๋ากล้องจึงอ้วนกลมจนแทบจะปริแตกออกมา  แอบๆลองเอามันไปชั่งน้ำหนักดู  จากชุดกระเป๋ากล้องเดิม 8 กิโล  เวลานี้มันปาเข้าไปเป็น 16 กิโลเข้าไปแล้วครับ


* 72.JPG (263.58 KB, 1000x673 - ดู 83 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:08:01 PM »

ตามรายการวันที่ 5  วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2559
ตามโปรแกรมเดิม  รายการมีไว้ดังนี้ครับ
“หลังอาหารเช้าเราจะออกเดินทางสู่อุทยานย่าติ่ง  ระหว่างทางคุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ชนบทที่สวยงาม   โดยเฉพาะในฤดูหนาว ยากที่จะหาสถานที่ใดมาเสมอเหมือน   ประมาณสองชั่วโมงจะถึงหมู่บ้านชาวทิเบตที่แสนบริสุทธิ์และงดงาม  เรียกกันว่าหมู่บ้าน แชงกรี-ล่า  จากนั้นจะนั่งม้าหรือเดินเท้าสู่วัดชองกูแล้วเดินขึ้นเขา(หรือนั่งม้า)อีกราว 30 นาที  จะพบกับภาพของทะเลสาบไข่มุกที่สวยงาม  ล้อมรอบไปด้วยยอดเขาสูง  โดยมีภูเขาที่สูงที่สุดชื่อ Mr. Xiannairi  ถ่ายภาพกันจนหมดแสงสุดท้ายแล้วเดินทางกลับไปพักในหมู่บ้านย่าติ่ง (คืนนี้หากอากาศดีจะมีโปรแกรมถ่ายดาวล้านดวง)”


* 73.JPG (324.55 KB, 1000x674 - ดู 81 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:09:01 PM »

วันนี้ก็เหมือนเดิม  กว่าพวกเราจะย้ายก้นออกจากโงแรมกันได้ก็ปาเข้าไป 9.00น.แล้ว   ทั้งๆที่วันนี้เราไม่ต้องเรียงกระเป๋าเข้าใต้ท้องรถเหมือนเช่นทุกวัน    เพราะกระเป๋าใบใหญ่ของพวกเราจะฝากไว้ที่โรงแรม  ไม่ได้เอาไปด้วย    แต่กว่าพ่อเจ้าประคุณไกด์ Mr. Ricky จะเสด็จมาให้เห็นหน้าก็ปาเข้าไปเกือบ 8 โมงแล้ว  มาแล้วยังไปนั่งละเลียดข้าวเช้าอีกทั้งๆที่ลูกทัวร์อิ่มหมีพีมันกันไปถึงไหนๆแล้ว  (หากผมรู้มาแต่แรกว่าทัวร์ถ่ายภาพจะออกสายๆแบบนี้ทุกวัน  ต่อให้เชิญผมมาฟรีๆผมก็ไม่มาครับ)   เราจะต้องเดินทางไปอุทยานย่าติ่งอีก 45 Km ใช้เวลาอีกราวๆ 2 ชั่วโมง (จำกัดความเร็ว 30 Km /Hr)  และก็คงเหมือนๆกับอุทยานที่ป๊อบปูล่ามากๆของจีนทั่วไปที่มันจะโกลาหลอลหม่าน  เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนเต็มพื้นที่ไปหมด   แต่ที่แสบไส้ติ่งไปยันทวารหนักก็คือ  หน้าที่ทำการอุทยานเต็มไปด้วยโรงแรมที่พัก  หลายระดับ หลายราคา  เยอะแยะราวกับดอกเห็ด   แล้วทำไมทัวร์ของเรามันไม่พามาพักที่หน้าที่ทำการ (ว๊ะ)  จะได้ลุกจากที่นอนก็โดดขึ้นรถขึ้นอุทยานไปได้เลย  ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปอีกตั้ง 2 ชั่วโมงแบบนี้   นี่มันเป็นบริษัททัวร์จริงๆป่ะว๊ะเนี่ย......
ออกจากเมืองเต้าเฉิงไม่นานนัก   พวกเราก็เจอทิวไม้ข้างทางที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใสอร่ามตา   พวกเราจึงขอให้จอดรถลงไปแชะภาพกัน  ใช้เวลาไปราว 20 นาที เจ้า Ricky ก็ตะโกนด้วยคำยอดฮิตของมัน มาว่า “ไปได้เลี้ยว.... ไปได้เลี้ยว...” 


* 74.jpg (320.95 KB, 1000x674 - ดู 80 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:09:56 PM »

ระหว่างทาง  เจ้า Ricky อธิบายว่า  การเที่ยวย่าติ่ง  โดยเฉพาะ ทะเลสาบน้ำนมและ ทะเลสาบ 5 สี นั้น  จำเป็นจะต้องใช้ม้าขี่ขึ้นไป  เพราะหากเดินขึ้นไปจะเหนื่อยมาก  และเดินขึ้นไปไม่ถึง   ฉะนั้นหากใครที่ต้องการจะขี่ม้า  จะต้องเสียค่าเช่าม้าขี่อีกท่านล่ะ 600 หยวน  ทำเอาผมและลูกทัวร์อีกหลายท่านอึ้งกิมกี่เลย   และเกิดการจับกลุ่มซุบซิบว่า  เอ....  มันยังไงกัน  เพราะหลายคนรวมทั้งตัวผมเองก็จำได้คลับคล้ายคลับคลา   จำได้ว่ารายการขี่ม้ามันอยู่ในรายการทัวร์ไปแล้ว  พูดง่ายๆก็คือ  ผู้จัดรายการได้เก็บค่าม้ารวมไปในรายการทัวร์แล้วนี่นา   ทำไมเจ้า Ricky จึงจะมาเก็บค่าม้าเพิ่มอีกล่ะ  แถมราคาม้าทำไมมันแพงหูฉี่ขนาดนั้นว๊ะ  ผมเคยขี่ม้าขึ้นเขาจีจู๋ชัน  ระยะทางม้าราวๆ  2 ชั่วโมง  ไป-กลับ 4 ชั่วโมง  ที่นั่นคิดค่าเช่าม้าทั้งขาขึ้น-ขาลงเพียง 80 หยวนเท่านั้น  หรืออย่างเมื่อ 2 ปีก่อน นั่งม้าขึ้นไปจุดชมวิวที่เมืองซินตูเฉียว  เจ้าของม้าก็คิดค่าม้าเพียงแค่ 50 หยวน  แต่ทำไมม้าที่นี่มันแพงจัง


* 75.JPG (359.91 KB, 1000x673 - ดู 77 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:10:51 PM »

50 หยวน  แต่ทำไมม้าที่นี่มันแพงจัง
เมื่อสงสัย   พวกเราบางคนจึงถามกับผู้จัดทัวร์ว่า  พวกเราจำได้ว่าในรายการทัวร์  ทางผู้จัดได้บอกว่าราคาที่จ่ายไปแล้วนั้น  รวมค่าเช้าม้าขึ้นย่าติ่ง  ค่าทิปไกด์ และคนขับรถไปแล้ว   ผู้จัดอึ้งไปพักใหญ่    แล้วก็อ้อมแอ้มว่า  จริงเหรอ  ไม่มั้ง    เดี๋ยวจะลองตรวจสอบให้แล้วกัน  เพราะจำไม่ได้แล้ว   แต่ทุกคนก็ยืนยันว่าจริง  และบางคนก็ท้าว่าถ้าผู้จัดไม่เชื่อก็กลับเข้าไปดูรายการชักชวนที่ลงไว้ในเนตก็ได้


* 76.JPG (307.4 KB, 1000x673 - ดู 74 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:11:51 PM »

หลังจากที่รถส่งพวกเราลงที่หน้าที่ทำการอุทยานแล้ว  เจ้า Ricky ก็ชี้ให้พวกเรารอมันอยู่ตรงนั้น  ตัวมันเองหายเข้าอาคารไปยืนต่อคิวซื้อบัตรเข้าอุทยานและบัตรโดยสารขึ้นอุทยาน  อีกราว 1 ชั่วโมง  มันก็เอาบัตรมาให้พวกเราถือคนล่ะ 2 ใบ จากนั้นก็พาพวกเราไปยืนต่อคิวรอขึ้นรถของอุทยาน  สักครึ่งชั่วโมง  พวกเราก็ได้ขึ้นรถของอุทยาน  พวกเราจะต้องเดินทางไปอีกราว 40 Km จึงจะถึงหมู่บ้านย่าติ่ง  เมื่อถึงย่าติ่ง  เจ้า Ricky เช็คให้พวกเราเอาของเข้าไปเก็บในห้องพักก่อน จึงพาไปกินข้าวกลางวัน  ซึ่งก็เหมือนๆกับทุกๆวันอีกนั่นแหละ ที่ข้าวกลางวันของเรามันจะกลายเป็นข้าวกลางบ่ายทุกที  เพราะนี่มันก็บ่าย 2 โมงเข้าไปแล้ว  หลังอาหารกลางวัน  เจ้า Ricky ก็พาพวกเราไปยืนรอยื้อแย่งกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเพื่อขึ้นรถอุทยานไปยังจุดท่องเที่ยว  กว่าพวกเราจะได้ขึ้นก็แทบกระอักเลือดตาย  เพราะโดนนักท่องเที่ยวชาวจีนชนกระเด็นออกมา 2-3 รอบ  เออ...  มันก็ได้รสชาติไปอีกแบบนะ  หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว


* 77.JPG (373.4 KB, 1000x673 - ดู 75 ครั้ง.)

* 78.jpg (239.83 KB, 1000x757 - ดู 76 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:14:00 PM »

รถอุทยานวิ่งไปราว 6-7 Km ก็ถีงจุดหมายของวันนี้  เวลาไม่คอยท่า   เพราะเรายังต้องเดินขึ้นเขาไปอีกราวๆ 1.5 Km ระยะทาง1.5 Km ที่เราต้องเดินไต่เขาที่สูงชัน มันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว  แถมวันนี้ฝนยังมาตกปรอยๆ  คงได้เดินลุยไปกลางสายฝนตลอดเส้นทางแน่ๆ  ไกด์บอกว่า  รถของอุทยานที่จะลงจากจุดท่องเที่ยวนี้รอบสุดท้าย 18.00น.  หากใครลงมาไม่ทัน  ก็ต้องเดินกลับลงไปหมู่บ้านเอาเอง  ระยะทางบนเขาชัน 6-7 Km หากต้องเดินคงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ ทุกคนจึงต้องรีบเดินกันอย่างตั้งอกตั้งใจ  ตามรายการบอกว่านั่งม้าหรือเดินเท้าขึ้นสู่วัดชองกู   แล้วต่อจากนั้นขึ้นเขา (หรือนั่งม้า)  อีกราว 30 นาทีก็จะพบกับทะเลสาบไข่มุก   แล้วนี่เรื่องม้าผู้จัดว่าไงครับ   เบี้ยวไม่พูดถึงอีกแล้ว  สรุปวันนี้เดินอย่างเดียวเท่านั้น  แต่พอเดินไปได้หน่อย  ผมก็เจอนกบางชนิดที่บินลงหากินบนพื้น   ผมจึงงัดเอากล้อง 7D Mk II + เลนส์ 400mm เอาออกมาส่องนก   นี่ถือว่ายังโชคดีที่เอามันติดกระเป๋ามาด้วย  เพราะทีแรกกะว่าจะเอายัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้าแล้วฝากไว้ที่โรงแรมในเมืองเต้าเฉิงซะแล้ว  เมื่อได้ส่องนก จากตัวแรก แล้วตัวต่อๆมาก็เริ่มเข้าทางเลนส์  ทริปถ่ายภาพวิว เลยกลายเป็นทริปถ่ายนกแทนซะนี่  เพราะนกที่นี่ค่อนข้างเชื่อง  อาจจะเพราะมีนักท่องเที่ยวมากทุกวัน  มันเลยชินกับนักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยกลัวคนนัก  เพราะความที่ผมมัวแต่เดินส่องนกระหว่างทางเดินขึ้นเขา  จึงทำให้ผมเดินตามพรรคพวกไม่ทัน  พอผมเดินมาถึงจุดทางแยก T ตัน  พรรคพวกผมหายไปหมด  เหลียวหาทั้งไกด์ทั้งเพื่อน  ไม่เห็นสักคน  (นี่แหละที่เป็นปัญหาที่ทัวร์ดันมีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว ซึ่งต้องนำทางขึ้นไปข้างหน้า  ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยประกบคนที่เดินอยู่ข้างหลังแบบนี้)  ผมเล็งไปที่ป้ายที่ปักบอกทางอยู่  มันเป็นภาษาจีน อ่านไม่ออก  แต่มีภาพวาดเป็นรูปสัญลักษณ์ แอ่งน้ำ  ชี้ไปทางซ้ายมือ  ในเมื่อโปรแกรมวันนี้บอกว่าเราจะไปที่ทะเลสาบธารไข่มุก   ฉะนั้น ภาพที่บอกชี้ทางไปเป็นรูปแอ่งน้ำ จึงน่าจะถูกต้อง  เท้าไวเท่าความคิด  ผมเลี้ยวซ้ายไปทันที


* 79.JPG (291.32 KB, 1000x673 - ดู 75 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:15:57 PM »

นกในอุทยานย่าติ่งครับ 


* 83.JPG (308.9 KB, 1000x675 - ดู 78 ครั้ง.)

* 84.JPG (236.18 KB, 1000x675 - ดู 77 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:17:23 PM »

หากว่าไม่ติดเรื่องเวลาที่มีจำกัดแล้วล่ะก้อ...  มีหวังถ่ายนกกันสนุกเลยครับ


* 85.JPG (306.67 KB, 1000x692 - ดู 79 ครั้ง.)

* 86.JPG (347.78 KB, 677x1000 - ดู 80 ครั้ง.)

* 87.JPG (347.49 KB, 1000x679 - ดู 79 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:18:23 PM »

หลังจากที่ผมเดินเลี้ยวไปทางซ้าย  ตลอดระยะทางที่เลี้ยวไปอีกราว 3-400 เมตร  สายตาของผมยังสอดส่ายไปตามพุ่มไม่ใบหญ้า เผื่อว่าจะมีนกแปลกๆสวยๆมาเข้าทางเลนส์อีกบ้าง   แต่อุปสรรคก็คือ ฝนที่ตกปรอยๆ หนักบ้างเบาบ้างตลอดเส้นทางที่เราเดินขึ้นเขามา  เวลานี้เริ่มตกหนักขึ้น  แม้ว่าผมจะใส่เสื้อกันฝนที่ติดมาจากเมืองไทยแล้วก็ตาม  แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะป้องกันได้ไม่ดีนัก  เพราะผมมีทั้งกระเป๋ากล้องใบใหญ่ที่สะพายหลัง  ที่คอก็มีกล้องอีกสองชุดแขวนอยู่  มือหนึ่งต้องหิ้วขาตั้งกล้อง  อีกมือหนึ่งต้องถือขวดน้ำดื่ม  เมื่อเป็นเช่นนี้  เสื้อกันฝนจึงกันได้ไม่ถนัดนัก  สรุปผมจึงเปียกฝนที่กำลังจะถึงจุดเยือกแข็งกลายเป็นหิมะบนเขานั่นเอง


* 81.JPG (360.89 KB, 1000x673 - ดู 80 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:19:46 PM »

ผมเดินไปราว 400 เมตรก็เห็นศาลาพักที่มีหลังคา  ผมรีบจ้ำอ้าวเข้าไปหวังจะใช้เป็นที่หลบฝน  นั่งไปสักพัก  ก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่งผมแดงเดินเข้ามาในศาลาอีกคน  แต่ทิศทางที่พี่แกเดินมามันสวนทางกับผม  ผมจึงลองเลียบๆเคียงๆถามทางจากแกดู  ว่าอีกไกลไหมกว่าจะไปถึงเลค  แกมองหน้าผมแล้วทำหน้าละเ***่ยใจ   ปากบอกว่า อีกราว 200 เมตรก็จะถึง  แต่ไม่สวยเลย คุณจะไปทำไม  น้ำก็แทบจะไม่มี  มีน้ำติดก้นทะเลสาบอยู่นิดเดียวเอง  ไม่สวยเลย  โดยแกย้ำคำว่าไม่สวยหลายครั้ง
หลังจากฝนเริ่มซาเม็ดลง  ฝรั่งแกเดินจากไป  ผมเองเตรียมใส่เสื้อกันฝน หิ้วกระเป๋าสะพายหลัง เอากล้องคล้องเข้าที่คอ  เดินออกจากศาลาชั่งใจว่าจะไปต่อดี หรือจะเดินกลับดี   ในที่สุด  ผมก็นึกว่า  ไหนๆฝรั่งมันก็บอกว่าไม่สวยเลย  แถมฝนก็ตกปรอยๆ  ทัศนวิสัยที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ  เรามองไม่เห็นภูเขาหิมะเลยสักนิด  เพราะหมอกมันลงบังไว้หมด  หากเราไปถึงริมทะเลสาบแล้วมองไม่เห็นภูเขาหิมะ  มันก็เท่านั้น จะไปสวยงามได้อย่างไรกัน   ถ้ามันเป็นเช่นนั้น  สู้เราเอาเวลาไปซุ่มๆดูนกยังจะมันซะกว่า   นึกได้อย่างนั้นแล้ว  เท้ามันก็พาผมเลี้ยวกลับเส้นทางเดิมตามหลังฝรั่งนั่นไป


* 82.JPG (361.43 KB, 1000x673 - ดู 80 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:21:13 PM »

ผมเดินย้อนกลับมาที่ 3 แยกก็เจอกับพรรคพวกคนหนึ่ง เค้าบอกผมว่า ไกด์พาทุกคนเดินเลี้ยวไปทางขวามือ  เจอเลคที่ชื่อธารไข่มุก  น้ำสวยมาก  แต่ก็ไม่เห็นภูเขาหิมะอยู่ดี  กรรม    ผมยืนชั่งใจนิดหนึ่งว่าจะเดินขึ้นไปดีหรือไม่  ในที่สุดก็บอกตัวเองว่าในเมื่อไม่เห็นภูเขาหิมะ  เวลาก็เหลือน้อยแล้ว  แล้วจะเดินขึ้นไปให้มันเหนื่อยทำไมฟ๊ะ  ขึ้นไปแล้วอาจลงไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายก็จะเกิดปัญหาใหญ่อีก ผมเลยตัดสินใจเดินลงเลย   เดินลงมาได้หน่อย ก็เจอกับพรรคพวกเราอีกคนที่เดินลงมาเหมือนกัน  แต่พี่แกเดินขากระเผลก  สอบถามดูจึงได้รู้ว่าแกเดินตกเทรล  ขาเลยได้รับบาดเจ็บ 


* 88.JPG (372.85 KB, 1000x675 - ดู 79 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกใหม่
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2016, 08:22:43 PM »

มาถึงตรงนี้  ผมต้องขอขยายเรื่องทางเดินนิดนึงครับ  ทางเดินที่นี่  เขาใช้ตะแกรงเหล็กชุบกันสนิมแบบที่เมืองไทยเราใช้เป็นที่ปิดฝาท่อระบายน้ำนั่นแหละครับ  เชื่อมติดต่อกันเป็นบันไดทางเดิน จากข้างล่างจนถึงบนเขา  สาเหตุที่ทางอุทยานของเค้าต้องใช้ตะแกรงเหล็กก็เพราะว่า ที่นี่ เมื่อถึงฤดูหนาว  หิมะจะตกหนักมาก  หากใช้ปูน หรือไม้กระดานปูเป็นทางเดิน  เมื่อหิมะตกลงมามันจะกองสุมเป็นน้ำแข็งบนทางเดิน และจะลื่นมาก   ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยโกย คอยกวาดหิมะลงข้างทางทั้งวัน   และหากนักท่องเที่ยวไม่ได้ใส่รองเท้าลุยหิมะโดยตรงล่ะก้อ....  รับรองว่าเดินไปล้มไปแน่นอน  เมื่อเป็นอย่างนั้น  ทางอุทยานของเค้าจึงคิดแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งทางเดินที่เป็นตะแกรงเหล็กแทน   เพราะเวลาที่หิมะร่วงหล่นลงมาก็จะรอดช่องตะแกรงเหล็กลงไปข่างล่างใต้ทางเดิน  ไม่จับเป็นน้ำแข็งอยู่บนทางเดิน   เมื่อทางเดินไม่มีน้ำแข็ง  นักท่องเที่ยวก็เดินสบายขึ้น  ไม่ต้องกลัวว่าจะลื่นล้มอีก  และแบบนี้ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล้กวาดโกยหิมะก็ได้
แต่สิ่งต่างๆบนโลกกลมๆใบนี้มักจะมีสองด้านเสมอ  มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียปะปน  จะมากหรือน้อยเท่านั้น   อย่างเจ้าทางเดินตะแกรงเหล็กที่ว่านี่ก็เหมือนกัน   มันมีข้อดีที่ทำให้เดินได้แม้ในวันที่หิมะตก  ไม่ต้องมีคนมาคอยกวาด คอยโกยหิมะไปทิ้ง  แต่ข้อเสียของมันก็คือ  เวลาที่นักท่องเที่ยวเดิน มันจะส่งเสียงดังน่ารำคาญ  และอีกปัญหาหนึ่งก็คือ ผู้เฒ่าที่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยยันในการเดิน  ก็จะวางปลายไม้เท้าไม่ได้หรือวางแบบหมิ่นเหม่หวาดเสียว   ผมเอง  เวลาที่ต้องเดินขึ้นเขาสูงชันทีไร  ผมก็มักจะหาไม้เท้าเป็นตัวช่วยเหมือนกัน  ใครจะว่าผมแก่ผมก็ยอมล่ะ   เพราะเวลาขึ้นบันได หรือเดินทางลาดชัน  หากเรามีไม้เท้าช่วยพยุงสักอันมันจะช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะมากทีเดียว   และนอกจากมันจะช่วยผ่อนแรงแล้ว  หลายครั้งมันยังช่วยประคองไม่ให้เราลื่นล้มได้ง่ายๆอีกด้วย  พอมาเดินที่นี่  ไม้เท้าของผมเลยกลายเป็นไม้กันหมาอย่างเดียวเท่านั้น  แทบจะหาประโยชน์อะไรจากมันไม่ได้เลย
พรรคพวกผมที่ไปด้วยกัน  ได้รับบาดเจ็บก็เพราะเค้าก็ใช้ไม้เท้าช่วยยันเวลาเดินไต่ทางชันเหมือนกัน   พอเอามาใช้ที่นี่ก็เกิดเรื่องเลย   เพราขณะที่กำยังถ่ายน้ำหนักลงไปที่ไม้เท้า  ไอ้ไม้เท้าเจ้ากรรมมันดันลื่นหลุดลงช่องตะแกรงซะนี่   ทำให้คนที่ถ่ายน้ำหนักตัวลงไปที่มันเสียหลักและล้มลง  ขาไปกระแทกเข้ากับขอบตะแกรงเหล็กที่มีความคมพอได้  บาดเข้าให้เลยได้แผลกลับมา   แรกๆที่เค้ายกขาให้ดู  ขากางเกงของเค้าบังแผลไว้  ผมเลยเห็นแผลเพียงนิดเดียว  เลยไม่ค่อยได้สนใจมากนัก   ต่อเมื่อกลับไปถึงหมู่บ้านแล้ว  และหลังจากที่กินอาหารเย็นแล้วนั่นแหละ   คนเจ็บถึงได้บอกกับทุกคนว่าได้รับบาดเจ็บกลับมา   หมอหลายท่านที่ร่วมคณะไปด้วยก็ได้ช่วยกันตรวจบาดแผลให้ผู้ป่วย  และบอกว่า แผลมันใหญ่มาก  หากไม่เย็บแผลเห็นทีจะหยุดเลือดได้ยาก  แต่หมอทุกท่านก็ไม่มีใครเตรียมเครื่องมือเย็บแผลติดมา   เลยโกลาหลกันใหญ่ว่าจะเอาคนเจ็บไปหาอนามัยได้จากไหน   เจ้า Ricky จึงต้องไปสอบถามกับชาวบ้านว่าที่ไหนมีอนามัยบ้าง   และอาสาพาคนเจ็บไปหาหมอเย็บแผล   ซึ่งเวลานั้นมันก็ปาเข้าไป เกือบๆ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว
หลังจากที่ผู้ป่วยกลับจากเย็บแผลแล้ว  คุณหมอที่ไปด้วยก็เอามาเล่าเป็นเรื่องโจ๊กว่า   อนามัยของที่นี่  เข้าไปแล้วแสงทึมๆจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คืออนามัย   พอบอกว่าได้รับบาดเจ็บมา แผลใหญ่มาก  ต้องการเย็บแผล   เจ้าหน้าที่ที่อนามัยก็ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก  ก่อนจะเปิดตู้หยิบเอาเครื่องมือเย็บแผลออกมาให้ดู   มันคือเข็มเย็บรุ่นแรกๆที่ใช้กันเมื่อสมัยสงครามโลก  กว่าจะร้อยไหมเข้ากับเข็มได้ก็ต้องเอาไฟฉายช่วยกันส่อง  ไม่อย่างนั้นมองไม่เห็นรูเข็ม  จากนั้นก็ต้องให้ผู้ป่วยกัดฟันเอา  เพราะไม่มีแม้แต่ยาชา   กว่าจะเย็บแผลเสร็จคงเจ็บน่าดู   ผมคนฟังยังเจ็บแทนเลย  โดนสอยไป 6-7 เข็มได้มั้ง  แถมข่าวว่ากลับมาเมืองไทย  มันดันติดเชื้อ  แผลเป็นหนองเข้าอีก   ต้องไปแกะรอยเย็บออกมาล้างหนองแล้วเย็บใหม่  จริงหรือเปล่าไม่ทราบ


* 94.JPG (299.35 KB, 1000x673 - ดู 78 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป

หน้า: « 1 2 3 4 5 6 7 8 »   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 

กระโดดไป:  

T--shirt Motor CRC