ต่อไป »

ถ้าเป็นบ้านเรามีหวังได้วางมวยกันไปแล้ว  แต่ที่นี่..... ไม่ว่ากัน  เอ็งไปได้ ข้าก็ไปได้  แต่ถ้าข้าไปไม่ได้ เอ็งก็ไม่ต้องไป  แล้วดูการใช้รถสามล้อของที่นี่สิครับ  คุ้มสุดๆ  ผมประมาณด้วยสายตาคร่าวๆว่า น้ำหนักเหล็กที่อยู่บนสามล้อน่าจะหนักราว 300 ก.ก. ถ้าเป็นบ้านเราอย่างน้อยก็ต้องใช้รถกะบะขนไป  แต่ที่นี่ สามล้อก็เอาไปได้ครับ

รถติดก็ติดไป พวกเค้าไม่เคยท้อครับ

แต่เมื่อเข้าไปภายในโรงแรมก็โอ่โถงใช้ได้ครับ  ความวุ่นวายภายนอกแทบจะไม่สามารถเข้ามารบกวนภายในโรงแรม

โรงแรมชื่อว่า  Hotel Hindustan International  แทบจะอยู่ใจกลางเมืองพาราณสีเลย

พอขึ้นไปถึงห้อง  มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นภาพแห่งความวุ่นวายเหมือนเดิม

ถ้าจะว่ากันถึงความเก่าแก่  เมืองพาราณสีน่าจะเก่าแก่ที่สุด  แต่ถ้าจะว่าในเรื่องของความสกปก ที่นี่ก็น่าจะที่สุดของโลกเลยล่ะ  ไม่เชื่อก็ดูตัวอย่างจากภาพสองภาพนี้ครับ

เรารีบทำเวลากับข้าวเที่ยงกันอย่างเร่งร้อน แล้วออกเดินทางฝ่าการจราจรออกไปเมืองสารนาถ

สารนาถเคยเป็นศุนย์กลางของศาสนาพราหมณ์ มีพวกฤาษีชีไพรตั้งอาศรมอยู่นอกเมือง  โดยเฉพาะในครั้งพุทธกาล  ที่นี่เป็นที่สำคัญทางพุทธศาสนาเพราะเป็นที่ซึ่งเกิดสังฆรัตนะสมบูรณ์ครั้งแรกของโลก  เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมหลังจากที่สดับพระธรรมเทศนากัณฑ์แรก และลำดับต่อมาได้เทศโปรดบุตรเศรษฐีที่ชื่อว่า ยสะ ไม่นาน พระอริยสงฆ์ก็เกิดขึ้น 60 องค์ในพรรษาแรกนั่นเอง

สถูปเจ้าคันธี  ออกจากเมืองพาราณสีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 9 กิโลเมตร จะถึงเจดีย์หรือสถูปเก่าที่เป็นอนุสรณ์ปัญจวัคคีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 7 เพื่อเป็นที่ระลึกว่าครั้งเมื่อปัญจวัคคีย์หลีกหนีพระพุทธองค์ด้วยสำคัญผิดอย่างแรงมาอาศัยอยู่ที่นี่  หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์ทรงเมตตาเสด็จมาโปรดปัญจวัคคีย์  สันนิษฐานว่าพบกันที่จุดนี้เป็นครั้งแรกและได้ทำความเข้าใจกันตรงนี้ จากนั้นนำไปสู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สอนธรรมะอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ให้

ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแห่งนี้  เป็นที่อาศัยของกวางซึ่งพระเจ้าพาราณสีโปรดพระราชทานไว้  ป่าอิสิปตนมฤคทายวันเป็นป่าไม้ที่มีความร่มรื่น เป็นรมณียสถานที่สมบูรณ์ไปด้วยนักพรต ดาบส ฤาษี  แม้แต่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ผู้ละทิ้งพระพุทธองค์ก็พากันมาอยู่ที่นี่

เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่  เศรษฐีผู้ใจบุญแห่งพาราณสี ชื่อ นันทิยมานพ ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า  ได้สร้างวิหารอย่างวิจิตรสวยงาม ณ.ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแล้วถวายแด่พระพุทธเจ้ากับพระภิกษุสงฆ์  และด้วยผลแห่งกรรมดีดังกล่าว  นันทิยมานพก็ได้วิมานเกิดขึ้นคอยท่าในสวรรค์ ทั้งๆที่ยังไม่ตาย

ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  ได้เสด็จมาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  ยังได้เห็นสังฆารามที่ใหญ่โต และพระองค์ทรงโปรดให้สร้างสถูปเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และสร้างหลักศิลาจารึกไว้เป็นเครื่องหมายแห่งความเจริญรุ่งเรืองในยุคนั้น

ป่าอิสิปตนมฤคทายวันซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง และเป็นสำนักสงฆ์ที่ใหญ่โต ได้ถูกทอดทิ้งให้กลายเป็นป่าและซากอิฐเป็นเวลากว่า 700 ปี ตั้งแต่สมัยมุสลิมยังเติร์กเข้าทำลายล้าง เมื่อประมาณปีพ.ศ.1737 นับว่ายุคนั้นเป็นยุคแห่งการประหารพระพุทธศาสนาที่ไม่มีครั้งไหนรุนแรงเท่า

ในวันเพ็ญเดือน 8 วันอาสาฬหะ  เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจักกัปปวัตนสูตร อันเป็นพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกให้ท่านอัญญาโกณฑัญญะดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผลแล้วท่านได้กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระศาสดา  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา  แล้วทรงจำพรรษาแรก ณ.ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน และในวันต่อๆมา พระพุทธองค์ประทานโอวาทแก่ปัญจวัคคีย์ที่เหลือด้วยธรรมกถา  ยังผลให้ภาวะดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดขึ้นแก่ท่าน วัปปะ ท่านภัททิยะ ท่านมหามานะ และท่านอัสชิ ว่า

"สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา"  หลังจากที่ทั้ง 4 บรรลุธรรมแล้วได้กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท  พระศาสดาทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่ท่านทั้ง 4 นั้น

สถูปโบราณทรงบาตรคว่ำก่อด้วยหินทราย สูงประมาณ 80 ฟุต วัดโดยรอบประมาณ 120 ฟุต  สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  เป็นที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 พุทธสถานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเชิญชวนใหชาวพุทธบริษัทได้เข้าใกล้ทั้งกายและใจ เพื่อให้เกิดธรรมสังเวชอันเป็นเครื่องนำพาไปสู่ความเจริญ  สถูปแห่งนี้เคยงามสง่าด้วยพุทธศิลป์  ในกาลต่อมา ณ.ที่แห่งนี้พระพุทธองค์ทรงใช้เป็นที่ชุมนุมสงฆ์พุทธสาวก 60 องค์ เพื่อส่งออกประกาศพระพุทธศาสนา นับเป็นพระธรรมทูตชุดแรก  สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสแก่ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพทั้งหลายว่า

"จรถ ภิกขฺเว จาริกํ  พหุชนหิตาย  พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย"
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  พวกเธอจงเที่ยวไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์โลก อย่าได้ไปทางเดียวกันสองรูป  จงแสดงธรรมที่งามในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และในที่สุด  จงประกาศพรหมจรรย์ให้ครบบริบูรณ์โดยสิ้นเชิงเถิด"

ยสเจดีย์สถาน  เป็นสถานที่แห่งความไม่ขัดข้อง ไม่มีความวุ่นวาย เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก มีอาคารสี่เหลี่ยมคุมไว้เป็นอย่างดี  สถานที่นี้เชื่อกันว่า พระพุทธองค์ทรงแสดงฤิทธาภินิหารโปรดพระยสกุลบุตร ลูกเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีด้วยอนุปุพพิกถา  เป็นผลให้พระยสมานพได้ดวงตาเห็นธรรม และนำให้บิดาได้เป็นปฐมอุบาสก มารดาและภรรยาได้เป็นปฐมอุบาสิกา

ธรรมราชิกสถูป  ฐานสถูปทรงกลม  อยู่ไม่ห่างจากมูลคันธกุฎี  เดิมกล่าวกันว่า เป็นที่พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษาในฤดูฝนแรก  จะเห็นเป็นอิฐก่อตั้งในลักษณะทรงกลม  มีลานพอให้คนนั่งได้ราว 30 คน เป็นที่ที่พระพุทธเจ้าโปรดปัญจวัคคีย์ 4 คนที่เหลือจากการฟังธรรมจักกัปปวัตนสูตร เป็นทุติยเทศนาคือ อนัตตลักขณสูตร ใจความว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอนัตตา

ที่จริง  เราตั้งความหวังกันว่า จะกลับไปที่ริมฝั่งคงคาเพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ยามเย็นที่ริมน้ำ  แต่กลัวโดนแม่เจ้าประคุณไกด์ของเราตอแหลเอาอีก   เราจึงคาดการณ์กันเองว่าน่าจะไปไม่ทัน เราจึงทำใจไม่รีบออกจากสารนาถ  แต่ยังไงเราก็ควรต้องไปชมพิธีการบูชาไฟของเหล่าชฎิล  พวกเราจึงออกจากสารนาถเมื่อตะวันคล้อยต่ำมากแล้ว

ระหว่างทางกลับเข้ากรุงพาราณสี ผมเห็นร้านตัดผมของกรุงพาราณสี  ที่ทำเอาผม ทั้งทึ่ง ทั้งอึ้ง เลยครับ  ยิ่งกว่าที่พุทธคยาอีก  เพราะอย่างน้อยที่นั่นก็ยังมีลักษณะที่เป็นเก้าอี้ของกัลบกอยู่บ้าง แต่ที่นี่.......... หุๆๆ  ดูเอาเอง