ต่อไป »

[..ว.5 เป็นโค๊ตวิทยุแบบที่ตำรวจใช้..แปลว่า"ความลับ"ครับ..ซึ่งมันไม่ใช่โค๊ต Q.อย่างนักวิทยุสมัครเล่นใช้ที่เป็นสากลเข้าใจกันทั้งโลก..และที่ผมให้กระทู้นี้มันเป็น ว.5 เพราะตอนที่น้องตากล้องที่ถ่ายท่าน ผบ.ทบ.เอารูปมาให้นั้น...ในรูปนั่นมีดอกฝิ่นแปลงใหญ่สวยงามเป็นโฟร์กราวด์อยู่ด้วย..ผมเองก็ทราบว่านั่นเป็นการซ้อนภาพเอาจากที่เค้าเคยมีการถ่ายเก็บไว้นั่นแหละ..แต่เห็นเข้าก็ตาลุกเพราะอยากได้แปลงดอกฝิ่นมั่ง....น้องเค้าก็เลยกระซิบว่ามีที่ที่มีดอกฝิ่นให้ถ่ายอยู่นะ..แต่ถือเป็นความลับห้ามบอกต่อ..แล้วก็บอกทางให้ผม..ผมไม่รอช้าครับ..รีบเดินทางไปทันที..หลายซอกหลายซอนหลายเลี้ยวหลายโค้ง..ต้องถามทางชาวบ้านไปตลอดกว่าจะมาถึงได้..ถ่ายใบแรกนี่ตอน 12.33 น.]

..ว.5 เป็นโค๊ตวิทยุแบบที่ตำรวจใช้..แปลว่า"ความลับ"ครับ..ซึ่งมันไม่ใช่โค๊ต Q.อย่างนักวิทยุสมัครเล่นใช้ที่เป็นสากลเข้าใจกันทั้งโลก..
และที่ผมให้กระทู้นี้มันเป็น ว.5  เพราะตอนที่น้องตากล้องที่ถ่ายท่าน ผบ.ทบ.เอารูปมาให้นั้น...ในรูปนั่นมีดอกฝิ่นแปลงใหญ่สวยงามเป็นโฟร์กราวด์อยู่ด้วย..
ผมเองก็ทราบว่านั่นเป็นการซ้อนภาพเอาจากที่เค้าเคยมีการถ่ายเก็บไว้นั่นแหละ..แต่เห็นเข้าก็ตาลุกเพราะอยากได้แปลงดอกฝิ่นมั่ง..
..น้องเค้าก็เลยกระซิบว่ามีที่ที่มีดอกฝิ่นให้ถ่ายอยู่นะ..แต่ถือเป็นความลับห้ามบอกต่อ..แล้วก็บอกทางให้ผม..ผมไม่รอช้าครับ..รีบเดินทางไปทันที..
หลายซอกหลายซอนหลายเลี้ยวหลายโค้ง..ต้องถามทางชาวบ้านไปตลอดกว่าจะมาถึงได้..ถ่ายใบแรกนี่ตอน 12.33 น.

[..มีอยู่แค่ไม่กี่กอครับ..ไม่ใช่แบบหลายพันหลายหมื่นไร่แบบทางว้าแดงเค้า..และที่เห็นนี่คิอไม่มีใครมากรีดฝักเพื่อเอายางฝิ่นนะ..แต่ที่มีอยู่แค่นี้สูบคนเดียวก็ไม่พอให้สูบแล้ว..อย่างที่บอกไปแล้วว่าแต่ก่อนที่สวนแม้วนั่นก็มีปลูกให้นักท่องเที่ยวได้ชมครับ..แต่มาถึงรัฐบาลประยุทธ์ลุงตู่สั่งห้ามปลูกเด็ดขาด..ที่สวนแม้วเลยเงียบเหงาซบเซาเพราะนักท่องเที่ยวไม่มีฝิ่นให้ชม..ทางสวนเค้าก็รู้ว่านั่นคือแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก..มาถึงวันนี้แม้วเป็นใหญ่..ปีหน้าอาจมีปลูกให้ชมแล้วก็เป็นได้...ฮ่าๆๆ]

..มีอยู่แค่ไม่กี่กอครับ..ไม่ใช่แบบหลายพันหลายหมื่นไร่แบบทางว้าแดงเค้า..และที่เห็นนี่คิอไม่มีใครมากรีดฝักเพื่อเอายางฝิ่นนะ..แต่ที่มีอยู่แค่นี้สูบคนเดียวก็ไม่พอให้สูบแล้ว..
อย่างที่บอกไปแล้วว่าแต่ก่อนที่สวนแม้วนั่นก็มีปลูกให้นักท่องเที่ยวได้ชมครับ..แต่มาถึงรัฐบาลประยุทธ์ลุงตู่สั่งห้ามปลูกเด็ดขาด..ที่สวนแม้วเลยเงียบเหงาซบเซาเพราะนักท่องเที่ยวไม่มีฝิ่นให้ชม..
ทางสวนเค้าก็รู้ว่านั่นคือแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก..มาถึงวันนี้แม้วเป็นใหญ่..ปีหน้าอาจมีปลูกให้ชมแล้วก็เป็นได้...ฮ่าๆๆ

[..ถ่ายยากครับ..เพราะแดดตอนเที่ยงๆนี่คอนทราสมันแข็ง..ต้องรอจังหวะที่มีเมฆมาช่วยบัง..และก้านดอกที่ยาวทำให้เมื่อลมพัดก็โยกเยกไหวเอน..มันต้องถ่ายตอนเช้าๆแสงนุ่มๆน้ำค้างและละอองหมอกยังจับอยู่ตามกลีบดอกถึงจะงาม..ที่เห็นอยู่นี่ผมใช้สารพัดวิชามารเข้าช่วยแล้วครับ..ด้วยว่าน้า"อันดามัน"เคยบอกผมไว้ว่า"ใช้ๆไปเถอะไอ้โฟโตขร์อปหน่ะ..มันไม่บาปหรอก"ฮ่าๆๆผมถ่ายใบท้ายนั่นตอน 12.59 น.แล้วก็จรลีลงดอย..พอผ่านภูพิงค์ก็เปิดกระจกถามเจ้าหน้าที่ว่าเปิดให้ชมเมื่อไหร่..เค้าบอกพรุ่งนี้ครับ...ฮ่วยยยย..]

..ถ่ายยากครับ..เพราะแดดตอนเที่ยงๆนี่คอนทราสมันแข็ง..ต้องรอจังหวะที่มีเมฆมาช่วยบัง..และก้านดอกที่ยาวทำให้เมื่อลมพัดก็โยกเยกไหวเอน..
มันต้องถ่ายตอนเช้าๆแสงนุ่มๆน้ำค้างและละอองหมอกยังจับอยู่ตามกลีบดอกถึงจะงาม..ที่เห็นอยู่นี่ผมใช้สารพัดวิชามารเข้าช่วยแล้วครับ..
ด้วยว่าน้า"อันดามัน"เคยบอกผมไว้ว่า"ใช้ๆไปเถอะไอ้โฟโตขร์อปหน่ะ..มันไม่บาปหรอก"ฮ่าๆๆ
ผมถ่ายใบท้ายนั่นตอน 12.59 น.แล้วก็จรลีลงดอย..พอผ่านภูพิงค์ก็เปิดกระจกถามเจ้าหน้าที่ว่าเปิดให้ชมเมื่อไหร่..เค้าบอกพรุ่งนี้ครับ...ฮ่วยยยย..

[ผมไม่รอพรุ่งนี้หรอก..เดินหน้าตามแปลนเดิมคืออ่างขาง....เมื่อมาถึงลาน ฮ.สันดอยอ่างขางตอน 16.37 น.ผมก็แวะถามทหารที่ป้อมว่าเมื่อเช้ามีทะเลหมอกมั้ย..เพราะเห็นภาพเมื่อตอนปีใหม่มีหมอกหนาสวยงามเลย..ทหารบอกไม่มีหรอกพี่..ฝนไม่ตกอากาศไม่ชื้นพอ..]

ผมไม่รอพรุ่งนี้หรอก..เดินหน้าตามแปลนเดิมคืออ่างขาง..
..เมื่อมาถึงลาน ฮ.สันดอยอ่างขางตอน 16.37 น.ผมก็แวะถามทหารที่ป้อมว่าเมื่อเช้ามีทะเลหมอกมั้ย..เพราะเห็นภาพเมื่อตอนปีใหม่มีหมอกหนาสวยงามเลย..
ทหารบอกไม่มีหรอกพี่..ฝนไม่ตกอากาศไม่ชื้นพอ..

[..จากนั้นมุ่งหน้าไปรีสอร์ทที่เคยเข้าพักในอ่างขาง..พอเข้าไปถึงเจ้าของรีบออกมาต้อนรับ..แต่พอบอกว่าไม่ได้จองมาเค้าบอกที่นี่ติดจองเต็มแล้ว..และแนะนำให้ไปติดต่อที่ รร.เทพศิรินทร์..ก็ได้ลานจอดพักที่นี่แหละ..คืนละสองร้อยบาทและมีผมแค่คันเดียวสะดวกสบายเป็นส่วนตัวดีครับ....คือต้องบอกว่าอ่างขางนี่เมื่อสี่ห้าปีที่แล้วโรงแรม+รีสอร์ทโดนสั่งทุบทิ้งไปหมด(รวมทั้งไอ้รีสอร์ทสุวรรณภูมิที่เคยคิดค่าห้องเน่าๆกับผม 2500 บาท/คืน..ฮ่าๆๆสะใจ)ด้วยเหตุผลที่บอกว่าที่นี่เป็นสถานีเกษตรหลวง..ไม่ใช่ให้มาทำธุระกิจท่องเที่ยว..แต่เดี๋ยวนี้ผ่อนคลายกฏลงบ้างแล้ว..โดยให้ทำเป็นโฮมเสตย์เจ้าละไม่เกิน 5 ห้อง..คือที่ดินบนนี้ไม่มีการออกโฉนดให้เพราะเป็นเขาสูง..เป็นที่หลวงทั้งหมด..เพียงอนุญาติให้คนที่อยู่เดิมใช้สิทธิในการทำมาหากินเท่านั้น..]

..จากนั้นมุ่งหน้าไปรีสอร์ทที่เคยเข้าพักในอ่างขาง..พอเข้าไปถึงเจ้าของรีบออกมาต้อนรับ..แต่พอบอกว่าไม่ได้จองมาเค้าบอกที่นี่ติดจองเต็มแล้ว..และแนะนำให้ไปติดต่อที่ รร.เทพศิรินทร์..
ก็ได้ลานจอดพักที่นี่แหละ..คืนละสองร้อยบาทและมีผมแค่คันเดียวสะดวกสบายเป็นส่วนตัวดีครับ..
..คือต้องบอกว่าอ่างขางนี่เมื่อสี่ห้าปีที่แล้วโรงแรม+รีสอร์ทโดนสั่งทุบทิ้งไปหมด(รวมทั้งไอ้รีสอร์ทสุวรรณภูมิที่เคยคิดค่าห้องเน่าๆกับผม 2500 บาท/คืน..ฮ่าๆๆสะใจ)
ด้วยเหตุผลที่บอกว่าที่นี่เป็นสถานีเกษตรหลวง..ไม่ใช่ให้มาทำธุระกิจท่องเที่ยว..แต่เดี๋ยวนี้ผ่อนคลายกฏลงบ้างแล้ว..โดยให้ทำเป็นโฮมเสตย์เจ้าละไม่เกิน 5 ห้อง..
คือที่ดินบนนี้ไม่มีการออกโฉนดให้เพราะเป็นเขาสูง..เป็นที่หลวงทั้งหมด..เพียงอนุญาติให้คนที่อยู่เดิมใช้สิทธิในการทำมาหากินเท่านั้น..

[..มานอนตรงนี้ทำให้คิดถึงเมื่อราวสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาครับ..ซึ่งเป็นการมาเที่ยวอ่างขางเป็นครั้งแรกในชีวิต..จำได้ลางๆว่ามากับ"หนุ่มสาวทัวร์"..ลงจากรถทัวร์ที่ปากทางขึ้นฝั่งชัยปราการ..แล้วนั่งกะบะท้ายของรถปิคอัพโฟร์วีลที่ไม่มีหลังคา..วิ่งขึ้นอ่างขางโดยถนนดินลูกรังและต้องข้ามลำน้ำอยู่หลายจุด..ขึ้นตอนตีสี่กว่าจะถึงอ่างขางก็ราวหกโมงเช้า..หัวหูเสื้อผ้าแดงไปหมดด้วยฝุ่นลูกรัง..หนาวสั่นงันงกกันทั่วทุกคน....มาวันนี้นอนตรงนี้นี่เชื่อว่าใกล้เคียงกับจุดนอนเมื่อสี่สิบกว่าปีในวันนั้นครับ..ตอนนั้นเรือนนอนเป็นไม้ฟากหลังคามุงแฝก..ลมหนาวมันพัดทะลุเข้ามาได้..ที่นอนเป็นไม้ไผ่แคร่ยาวนอนเรียงกันเป็นสิบๆคน..หนาวเกือบตาย..ขนาดใส่ถุงเท้าหนาสองชั้นฝ่าเท้ายังหนาวจนปวดหลับไม่ลง....เวลานั้นด้านหลังของสถานีเกษตรนี่(ผมเข้าใจว่าน่าจะแถวไร่ชาพันปีของปัจจุบัน)ยังมีไร่ฝิ่นปลูกเป็นดงอยู่..ภาพใบนี้คือตอนที่ผมกลับจากไปถ่ายดอกฝิ่นที่นั่นมา..จำไม่ได้แล้วว่าใครถ่ายให้..ภาพทั้งหมดในชุดนี้เหลือจากมอดกินอยู่ใบเดียวนี่แหละครับ..ก็เอามาถ่ายเป็นดิจิตอลเก็บไว้ละ....วันที่จะลงจากอ่างขางก็มีชาวเขาเอาผลฝิ่นที่กรีดยางไปแล้วมาตากแดดให้แห้งแล้วทาแลคเกอร์มาขาย..ผมก็อุดหนุนมาสี่ห้าดอกเอาไว้เป็นที่ระลึก..เมื่อกลับมาเข้าถึงเชียงใหม่..เพื่อนๆมีรายการไปดิ้นกันในเธคและลากผมซึ่งไม่ชอบแบบนี้นักแต่ก็ต้องยอมไปกับเสียงส่วนใหญ่..จึงไปแบบเสียไม่ได้..ไม่ได้แต่งตัวโก้หรูอย่างหนุ่มชาวกรุงให้วิลิศมาหลาอะไรหรอกครับ..ชุดที่ใส่ก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์นั่นแหละ..แถมด้วยผ้าขะม้าคาดเอวและมือถือดอกฝิ่นออกไปดิ้นอยู่หน้าเสตทวงดนตรี....หลังจากกลับกุงเตปแล้วได้ข่าวว่าที่เชียงใหม่เค้ามีธีมแต่งตัวแบบนี้ฮิตกันอยู่ตามเธคหลายเดือนอยู่....เอ..นี่มันเข้าเค้า"คนเฒ่าชอบเล่าเรื่องหลัง"แล้วนี่หว่า..ฮ่าๆๆ..ขอบคุณที่ตามมาเที่ยว...เดี๋ยวเจอกันกระทู้หน้าครับ..]

..มานอนตรงนี้ทำให้คิดถึงเมื่อราวสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาครับ..ซึ่งเป็นการมาเที่ยวอ่างขางเป็นครั้งแรกในชีวิต..
จำได้ลางๆว่ามากับ"หนุ่มสาวทัวร์"..ลงจากรถทัวร์ที่ปากทางขึ้นฝั่งชัยปราการ..แล้วนั่งกะบะท้ายของรถปิคอัพโฟร์วีลที่ไม่มีหลังคา..วิ่งขึ้นอ่างขางโดยถนนดินลูกรังและต้องข้ามลำน้ำอยู่หลายจุด..
ขึ้นตอนตีสี่กว่าจะถึงอ่างขางก็ราวหกโมงเช้า..หัวหูเสื้อผ้าแดงไปหมดด้วยฝุ่นลูกรัง..หนาวสั่นงันงกกันทั่วทุกคน..
..มาวันนี้นอนตรงนี้นี่เชื่อว่าใกล้เคียงกับจุดนอนเมื่อสี่สิบกว่าปีในวันนั้นครับ..ตอนนั้นเรือนนอนเป็นไม้ฟากหลังคามุงแฝก..ลมหนาวมันพัดทะลุเข้ามาได้..ที่นอนเป็นไม้ไผ่แคร่ยาวนอนเรียงกันเป็นสิบๆคน..
หนาวเกือบตาย..ขนาดใส่ถุงเท้าหนาสองชั้นฝ่าเท้ายังหนาวจนปวดหลับไม่ลง..
..เวลานั้นด้านหลังของสถานีเกษตรนี่(ผมเข้าใจว่าน่าจะแถวไร่ชาพันปีของปัจจุบัน)ยังมีไร่ฝิ่นปลูกเป็นดงอยู่..ภาพใบนี้คือตอนที่ผมกลับจากไปถ่ายดอกฝิ่นที่นั่นมา..จำไม่ได้แล้วว่าใครถ่ายให้..
ภาพทั้งหมดในชุดนี้เหลือจากมอดกินอยู่ใบเดียวนี่แหละครับ..ก็เอามาถ่ายเป็นดิจิตอลเก็บไว้ละ..
..วันที่จะลงจากอ่างขางก็มีชาวเขาเอาผลฝิ่นที่กรีดยางไปแล้วมาตากแดดให้แห้งแล้วทาแลคเกอร์มาขาย..ผมก็อุดหนุนมาสี่ห้าดอกเอาไว้เป็นที่ระลึก..
เมื่อกลับมาเข้าถึงเชียงใหม่..เพื่อนๆมีรายการไปดิ้นกันในเธคและลากผมซึ่งไม่ชอบแบบนี้นักแต่ก็ต้องยอมไปกับเสียงส่วนใหญ่..จึงไปแบบเสียไม่ได้..
ไม่ได้แต่งตัวโก้หรูอย่างหนุ่มชาวกรุงให้วิลิศมาหลาอะไรหรอกครับ..ชุดที่ใส่ก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์นั่นแหละ..แถมด้วยผ้าขะม้าคาดเอวและมือถือดอกฝิ่นออกไปดิ้นอยู่หน้าเสตทวงดนตรี..
..หลังจากกลับกุงเตปแล้วได้ข่าวว่าที่เชียงใหม่เค้ามีธีมแต่งตัวแบบนี้ฮิตกันอยู่ตามเธคหลายเดือนอยู่..
..เอ..นี่มันเข้าเค้า"คนเฒ่าชอบเล่าเรื่องหลัง"แล้วนี่หว่า..ฮ่าๆๆ
..ขอบคุณที่ตามมาเที่ยว...เดี๋ยวเจอกันกระทู้หน้าครับ..

 

[..ว.5 ในที่นี้หมายถึง"ความลับของทางราษฎร"..ไม่ใช่แบบงบลับของทางราชการที่ห้ามตรวจสอบ..อิๆ..น้าชิตไปเที่ยวอ่างขางครั้งแรกเมื่อกี่ปีที่แล้วครับ??จากภาพนี้..ตอนเป็นวัยหนุมผมตัวโตกว่า"น้าหก"ชนิดเขื่องกว่าเห็นๆเลย..ทำไมเดี๋ยวนี้กลับกันไปซะหว่า??]

..ว.5 ในที่นี้หมายถึง"ความลับของทางราษฎร"..ไม่ใช่แบบงบลับของทางราชการที่ห้ามตรวจสอบ..อิๆ
..น้าชิตไปเที่ยวอ่างขางครั้งแรกเมื่อกี่ปีที่แล้วครับ??
จากภาพนี้..ตอนเป็นวัยหนุมผมตัวโตกว่า"น้าหก"ชนิดเขื่องกว่าเห็นๆเลย..ทำไมเดี๋ยวนี้กลับกันไปซะหว่า??

[..ว.5 ในที่นี้หมายถึง"ความลับของทางราษฎร"..ไม่ใช่แบบงบลับของทางราชการที่ห้ามตรวจสอบ..อิๆ..น้าชิตไปเที่ยวอ่างขางครั้งแรกเมื่อกี่ปีที่แล้วครับ??จากภาพนี้..ตอนเป็นวัยหนุมผมตัวโตกว่า"น้าหก"ชนิดเขื่องกว่าเห็นๆเลย..ทำไมเดี๋ยวนี้กลับกันไปซะหว่า??]

..ว.5 ในที่นี้หมายถึง"ความลับของทางราษฎร"..ไม่ใช่แบบงบลับของทางราชการที่ห้ามตรวจสอบ..อิๆ
..น้าชิตไปเที่ยวอ่างขางครั้งแรกเมื่อกี่ปีที่แล้วครับ??
จากภาพนี้..ตอนเป็นวัยหนุมผมตัวโตกว่า"น้าหก"ชนิดเขื่องกว่าเห็นๆเลย..ทำไมเดี๋ยวนี้กลับกันไปซะหว่า??

คนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือน้าหกหรือครับ ดูไม่ออกเลย

[..ว.5 ในที่นี้หมายถึง"ความลับของทางราษฎร"..ไม่ใช่แบบงบลับของทางราชการที่ห้ามตรวจสอบ..อิๆ..น้าชิตไปเที่ยวอ่างขางครั้งแรกเมื่อกี่ปีที่แล้วครับ??จากภาพนี้..ตอนเป็นวัยหนุมผมตัวโตกว่า"น้าหก"ชนิดเขื่องกว่าเห็นๆเลย..ทำไมเดี๋ยวนี้กลับกันไปซะหว่า??]

..ว.5 ในที่นี้หมายถึง"ความลับของทางราษฎร"..ไม่ใช่แบบงบลับของทางราชการที่ห้ามตรวจสอบ..อิๆ
..น้าชิตไปเที่ยวอ่างขางครั้งแรกเมื่อกี่ปีที่แล้วครับ??
จากภาพนี้..ตอนเป็นวัยหนุมผมตัวโตกว่า"น้าหก"ชนิดเขื่องกว่าเห็นๆเลย..ทำไมเดี๋ยวนี้กลับกันไปซะหว่า??

คนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือน้าหกหรือครับ ดูไม่ออกเลย

..ครับ..นั่นน้าหก..เด็กแบกขาตั้งกล้องของผมในเวลานั้น..
นี่ถ้าน้าหกมาเห็นผมพูดแบบนี้คงเหยียบผมม้ามแตกแน่ๆ..ก๊ากกกก..