ต่อไป »

[..เมื่อลงจากลานจอดองค์พระใหญ่ไดบุทสึแล้วผมก็มาจอดที่ลานจอดที่วัด..แล้วเดินผ่านมาข้างๆกุฏิท่านเจ้าอาวาสครับ..เนื่องด้วยตอนที่มาครั้งที่แล้วนั้นกว่าจะนั่งรถสองแถวที่ให้บริการกับท่านประธานลงมาก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงแล้ว..เลยยังไม่ได้มาสำรวจเจดีย์สีทองกลุ่มนี้....สองใบแรกนั้นคือข้างกุฏิท่านเจ้าอาวาส..แต่เมื่อมาถึงด้านหน้ากลุ่มเจดีย์แล้ว..เอ...ทำไมมันดูร้างๆหว่า..คือไม่มีคนมารดน้ำตัดแต่งต้นไม้ในสวนหย่อมนี่มัง..มันเลยดูแห้งแล้งรกร้างโรยราพิกล..]

..เมื่อลงจากลานจอดองค์พระใหญ่ไดบุทสึแล้วผมก็มาจอดที่ลานจอดที่วัด..แล้วเดินผ่านมาข้างๆกุฏิท่านเจ้าอาวาสครับ..
เนื่องด้วยตอนที่มาครั้งที่แล้วนั้นกว่าจะนั่งรถสองแถวที่ให้บริการกับท่านประธานลงมาก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงแล้ว..เลยยังไม่ได้มาสำรวจเจดีย์สีทองกลุ่มนี้..
..สองใบแรกนั้นคือข้างกุฏิท่านเจ้าอาวาส..แต่เมื่อมาถึงด้านหน้ากลุ่มเจดีย์แล้ว..เอ...ทำไมมันดูร้างๆหว่า..คือไม่มีคนมารดน้ำตัดแต่งต้นไม้ในสวนหย่อมนี่มัง..มันเลยดูแห้งแล้งรกร้างโรยราพิกล..

[..เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยสง่า..ในบรรยากาศที่วิเวกวังเวงเพราะตอนนี้มีผมมาคนเดียว..]

..เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยสง่า..ในบรรยากาศที่วิเวกวังเวงเพราะตอนนี้มีผมมาคนเดียว..

[..และนี่ครับ..เห็นจังๆเข้าทีแรกแทบสะดุ้งทั้งๆที่มาเอาตอนเที่ยงๆนี่แหละ..ถ้ามาตอนค่ำๆผมไม่เข้าใกล้หรอก..เสียวเดี๋ยวเค้างับหัวเอา..ติดชื่อว่า"พญาปุริสาท"..นี่นับว่าเป็นตัวอะไรหว่า??..ร่างกายสูงใหญ่กำยำ..มีปีกเหมือนนก(แต่ขนาดปีกแค่นี้กับน้ำหนักตัวขนาดนี้บินไม่ขึ้นหรอก)หน้าตาถ***ทึงดุดัน..มีหางยาวแบบหางสิงโต..และมี"หำ"เบ้อเร่อเลย(คือเค้าเปลือยกายไม่มีกุงเกงใส่..แต่ดันใส่ชฎา)..กลับมาถึงบ้านแล้วผมจึงไปค้นประวัติที่มาที่ไป..ได้ความว่าเจ้านี่เป็นยักษ์หนึ่งในสี่ตนที่เป็นลูกน้องใกล้ชิดของท้าวเวสสุวรรณ..มีพื้นฐานต้นแบบจากชาวมอญ+พม่า+ล้านนา+กรีก+โรมัน+ตุรเกีย(ปนกันมั่วไปหมด)..ตอนที่มาตั้งนั่นเป็นประเด็นทางสังคมว่าเห็นหำขนาดนี้สมควรเอามาตั้งในวัดเหรอ..แต่เจ้าหน้าที่วัดก็บอกว่าให้มองเป็นศิลปะอย่าไปคิดมากว่าอนาจาร..ฮ่าๆๆ (เชื่อเถอะ..ว่าวันข้างหน้าจะมีสาวๆไปลูบหำเพื่อขอพร..ก็ขนาดกล้วยออกเครือกลางลำต้นยังไหว้กันปะหลกๆ)..หรือนี่จะเป็นเทพแบบ"ครูกายแก้ว"(ทุกวันนี้ไม่รู้ย้ายไปอยู่ที่ไหนแล้ว)..สังคมไทยเรานี่ตกลงเป็นพุทธหรือเป็นผีหว่า..มั่วกันไปหมด..ขนาดไฉ่ซิงเอี๊ยเทพเจ้าแห่งโชคลาภของจีนยังมีคนบอกว่าก็องค์จตุคามรามเทพนั่นแหละ..องค์เดียวกัน..ก๊ากก..เมื่อตอนต้นปีที่แล้วที่ผมมานั้นวิหารนี้ยังสร้างไม่เสร็จและยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมครับ..พึ่งเสร็จเมื่อราวกลางปีที่ผ่านมา..]

..และนี่ครับ..เห็นจังๆเข้าทีแรกแทบสะดุ้งทั้งๆที่มาเอาตอนเที่ยงๆนี่แหละ..ถ้ามาตอนค่ำๆผมไม่เข้าใกล้หรอก..เสียวเดี๋ยวเค้างับหัวเอา..
ติดชื่อว่า"พญาปุริสาท"..นี่นับว่าเป็นตัวอะไรหว่า??..ร่างกายสูงใหญ่กำยำ..มีปีกเหมือนนก(แต่ขนาดปีกแค่นี้กับน้ำหนักตัวขนาดนี้บินไม่ขึ้นหรอก)
หน้าตาถ***ทึงดุดัน..มีหางยาวแบบหางสิงโต..และมี"หำ"เบ้อเร่อเลย(คือเค้าเปลือยกายไม่มีกุงเกงใส่..แต่ดันใส่ชฎา)
..กลับมาถึงบ้านแล้วผมจึงไปค้นประวัติที่มาที่ไป..ได้ความว่าเจ้านี่เป็นยักษ์หนึ่งในสี่ตนที่เป็นลูกน้องใกล้ชิดของท้าวเวสสุวรรณ..
มีพื้นฐานต้นแบบจากชาวมอญ+พม่า+ล้านนา+กรีก+โรมัน+ตุรเกีย(ปนกันมั่วไปหมด)..ตอนที่มาตั้งนั่นเป็นประเด็นทางสังคมว่าเห็นหำขนาดนี้สมควรเอามาตั้งในวัดเหรอ..
แต่เจ้าหน้าที่วัดก็บอกว่าให้มองเป็นศิลปะอย่าไปคิดมากว่าอนาจาร..ฮ่าๆๆ  (เชื่อเถอะ..ว่าวันข้างหน้าจะมีสาวๆไปลูบหำเพื่อขอพร..ก็ขนาดกล้วยออกเครือกลางลำต้นยังไหว้กันปะหลกๆ)
..หรือนี่จะเป็นเทพแบบ"ครูกายแก้ว"(ทุกวันนี้ไม่รู้ย้ายไปอยู่ที่ไหนแล้ว)..สังคมไทยเรานี่ตกลงเป็นพุทธหรือเป็นผีหว่า..
มั่วกันไปหมด..ขนาดไฉ่ซิงเอี๊ยเทพเจ้าแห่งโชคลาภของจีนยังมีคนบอกว่าก็องค์จตุคามรามเทพนั่นแหละ..องค์เดียวกัน..ก๊ากก
..เมื่อตอนต้นปีที่แล้วที่ผมมานั้นวิหารนี้ยังสร้างไม่เสร็จและยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมครับ..พึ่งเสร็จเมื่อราวกลางปีที่ผ่านมา..

[..นี่เดินลอดซุ้มประตูทางเข้าครับ..คือด้านอื่นนั้นเป็นกำแพงที่มีหลังคาคลุมเหมือนระเบียงคต..พื้นที่ด้านในก็มีสิ่งที่ทรงเหมือนเจดีย์เป็นวิหารประธาน..โดยมีเจดีย์เล็กล้อมอยู่ทั้งสี่ทิศ..ทั้งหมดนี้เป็นสีน้ำตาลแดงและตัดด้วยสีทองงดงามตา..เลนส์ 24-105 mm. หากถ่ายในแนวนอนจะเก็บยอดเจดีย์ไม่หมดครับ..เพราะพื้นที่ไม่อำนวย..เลยต้องถ่ายในแนวตั้ง..]

..นี่เดินลอดซุ้มประตูทางเข้าครับ..คือด้านอื่นนั้นเป็นกำแพงที่มีหลังคาคลุมเหมือนระเบียงคต..
พื้นที่ด้านในก็มีสิ่งที่ทรงเหมือนเจดีย์เป็นวิหารประธาน..โดยมีเจดีย์เล็กล้อมอยู่ทั้งสี่ทิศ..ทั้งหมดนี้เป็นสีน้ำตาลแดงและตัดด้วยสีทองงดงามตา..
เลนส์ 24-105 mm. หากถ่ายในแนวนอนจะเก็บยอดเจดีย์ไม่หมดครับ..เพราะพื้นที่ไม่อำนวย..เลยต้องถ่ายในแนวตั้ง..

[..และด้านในวิหาร..นี่คือ"พระวิสุทธิ์เทพ"..องค์เป็นแก้วใสประทับนั่งแท่นสูง..มีเหล่าทวยเทพเทวดาถือสิ่งที่น่าจะเรียกว่า"พัดโบก"ยืนเรียงรายอยู่ข้างๆเป็นสิบองค์(นี่ถ้าถืออาก้า//หรือแค่หอก-ดาบ..ผมไม่เข้าไปแน่ๆ)มันค่อนข้างมืดจึงดูหลอนๆเพราะผมเข้ามาคนเดียว..แต่สักพักก็มีชายหนุ่มในชุดดำเข้ามากราบไหว้ครับ....กลับมาถึงบ้านแล้วผมถามอากู๋ดูว่าพระวิสุทธิ์เทพคือใคร..ข้อมูลที่ได้มามั่วไปหมด..แต่ส่วนใหญ่ไปในทางว่าคือดวงจิตของพระพุทธเจ้าและบรรดาปัจเจกพุทธเจ้าที่ดับขันธ์นิพพานังแล้ว..จิตจึงไปสถิตย์บนสรวงสวรรค์..เอ..ไอ้ที่ผมเคยรับรู้มาจิตคนเราไม่มีรูปนี่หว่า..มันเป็นแค่นามธรรมนะ..หรือจะสื่อว่ารูปที่ใสเป็นแก้วนั่นแหละเป็นสิ่งที่สมมุติมาเพื่อให้คนบาปอย่างผมได้เห็น..ฮ่าๆๆเอาๆๆๆ...ผมมันโง่และยังเข้าไม่ถึงนิพพาน..จะหลอกยังไงก็ได้ครับ..]

..และด้านในวิหาร..นี่คือ"พระวิสุทธิ์เทพ"..
องค์เป็นแก้วใสประทับนั่งแท่นสูง..มีเหล่าทวยเทพเทวดาถือสิ่งที่น่าจะเรียกว่า"พัดโบก"ยืนเรียงรายอยู่ข้างๆเป็นสิบองค์(นี่ถ้าถืออาก้า//หรือแค่หอก-ดาบ..ผมไม่เข้าไปแน่ๆ)
มันค่อนข้างมืดจึงดูหลอนๆเพราะผมเข้ามาคนเดียว..แต่สักพักก็มีชายหนุ่มในชุดดำเข้ามากราบไหว้ครับ..
..กลับมาถึงบ้านแล้วผมถามอากู๋ดูว่าพระวิสุทธิ์เทพคือใคร..ข้อมูลที่ได้มามั่วไปหมด..แต่ส่วนใหญ่ไปในทางว่าคือดวงจิตของพระพุทธเจ้าและบรรดาปัจเจกพุทธเจ้าที่ดับขันธ์นิพพานังแล้ว..จิตจึงไปสถิตย์บนสรวงสวรรค์..
เอ..ไอ้ที่ผมเคยรับรู้มาจิตคนเราไม่มีรูปนี่หว่า..มันเป็นแค่นามธรรมนะ..หรือจะสื่อว่ารูปที่ใสเป็นแก้วนั่นแหละเป็นสิ่งที่สมมุติมาเพื่อให้คนบาปอย่างผมได้เห็น..ฮ่าๆๆ
เอาๆๆๆ...ผมมันโง่และยังเข้าไม่ถึงนิพพาน..จะหลอกยังไงก็ได้ครับ..

[..ตอนนี้ผมนึกถึงกระบอกไฟเลเซอร์ชี้เป้าสีแดง(ที่เอาไว้ชี้ตำแหน่งนกให้ลูกค้าเห็น)ซึ่งอยู่ในกระเป๋ากล้องเลย..นี่ถ้าเอามาด้วยต้องหาตำแหน่งวางส่ององค์พระวิสุทธิ์เทพแน่ๆ..แล้วดูว่าจะถ่ายได้สวยงามอร่ามเรืองเพียงใด..คิดว่าคงจะแดงกล่ำไปทั้งองค์..เพราะเมื่อแสงเลเซอร์กระทบแก้วก็จะหักเหฟุ้งกระจายไปทั่วองค์ครับ....แต่นี่ก็ได้แค่เบ๊าซ์แฟลชในบางใบเท่านั้น..ซึ่งมันก็จะลดทอนความเข้มขลังดุดันน่าเกรงขามของภาพครับ..]

..ตอนนี้ผมนึกถึงกระบอกไฟเลเซอร์ชี้เป้าสีแดง(ที่เอาไว้ชี้ตำแหน่งนกให้ลูกค้าเห็น)ซึ่งอยู่ในกระเป๋ากล้องเลย..
นี่ถ้าเอามาด้วยต้องหาตำแหน่งวางส่ององค์พระวิสุทธิ์เทพแน่ๆ..แล้วดูว่าจะถ่ายได้สวยงามอร่ามเรืองเพียงใด..
คิดว่าคงจะแดงกล่ำไปทั้งองค์..เพราะเมื่อแสงเลเซอร์กระทบแก้วก็จะหักเหฟุ้งกระจายไปทั่วองค์ครับ..
..แต่นี่ก็ได้แค่เบ๊าซ์แฟลชในบางใบเท่านั้น..ซึ่งมันก็จะลดทอนความเข้มขลังดุดันน่าเกรงขามของภาพครับ..

[..นี่ออกจากวิหารลอดซุ้มประตูแล้วครับ..ขอหันไปส่องอีกหน่อยเพราะงามมาก..แต่ทางวัดน่าจะจัดหาเจ้าหน้าที่มาดูแลต้นไม้บ้างนะ..ไอ้สองกระถางตรงทางเข้าข้างๆพญาปุริสาทนั่นขาดน้ำแห้งตายคากระถางไปแล้ว..]

..นี่ออกจากวิหารลอดซุ้มประตูแล้วครับ..ขอหันไปส่องอีกหน่อยเพราะงามมาก..
แต่ทางวัดน่าจะจัดหาเจ้าหน้าที่มาดูแลต้นไม้บ้างนะ..ไอ้สองกระถางตรงทางเข้าข้างๆพญาปุริสาทนั่นขาดน้ำแห้งตายคากระถางไปแล้ว..

[..เดินย้อนทางกลับลานจอดรถ..ผ่านห้องน้ำที่อยู่ด้านล่างของพระพุทธรูปสีขาวนี่..ผมเลยลงไประบายน้ำหน่อย..เพราะหมายต่อจากนี้ต้องเดินทางไกล....ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..เดินย้อนทางกลับลานจอดรถ..ผ่านห้องน้ำที่อยู่ด้านล่างของพระพุทธรูปสีขาวนี่..ผมเลยลงไประบายน้ำหน่อย..เพราะหมายต่อจากนี้ต้องเดินทางไกล..
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

ตั้งแต่โบราณ คนเรานิยมทองคำมากนะครับ วัด วา อาราม มักจะใช้สีทองกับโบสถ์ วิหาร พระพุทธรูป

[..และคาดว่าน่าจะใช้ทองตลอดไปครับ..คงไม่ไปใช้ลิเธี่ยมหรือโคบอลล์หรอก..อิๆๆ]

ตั้งแต่โบราณ คนเรานิยมทองคำมากนะครับ วัด วา อาราม มักจะใช้สีทองกับโบสถ์ วิหาร พระพุทธรูป

..และคาดว่าน่าจะใช้ทองตลอดไปครับ..คงไม่ไปใช้ลิเธี่ยมหรือโคบอลล์หรอก..อิๆๆ