ต่อไป »

[..ออกจากอ่างขางราวสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วครับ..เพื่อจะมาที่วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกนแห่งนี้(คือผมเคยเห็นรีวิวมาจากในเฟซ..เลยอยากมามั่ง)แต่ได้ถ่ายใบแรกนี่ตอน 13.57น.คือ GPS ก็บอกอยู่ว่ามันต้องใช้เวลาวิ่งจากอ่างขางถึงวัดนี้ราวสองชั่วโมงครึ่ง..โดยให้ใช้เส้นทางอรุโณทัย-เชียงดาว-แม่แตง..และผมเชื่อว่าผมทำเวลาได้ดีกว่าที่จีพีเอสกำหนด..ผมจำได้คร่าวๆว่าวัดนี้อยู่ที่แม่แตง..และมันต้องเลี้ยวซ้ายจากถนนเมนเข้าอำเภอแม่แตงนี่นา..แต่จีพีเอสเค้าดันพามาทางลัด..ให้เลี้ยวซ้ายตรงสนามยิงปืนกองบังคับการ ตชด...ทางสามร้อยเมตรแรกก็เป็นคอนกรีตเล็กๆและรกๆ..เลยจากนั้นก็เป็นดินลูกรังวิ่งฝุ่นฟุ้งเข้าไปอีกสามกิโล..แล้วในที่สุดมันก็กลายเป็นเทรลทางเกวียนที่ทั้งหลุมบ่อและหญ้าขึ้นรกไปหมด..วิ่งเลยไปจนเห็นฟร์ามวัวและมีคนอยู่ก็เลยเปิดกระจกถามทางสิครับ..คำตอบคือให้วิ่งย้อนออกมาราวสองร้อยเมตร..เมื่อถึงกอไผ่ให้เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปอีกราวกิโลครึ่งก็จะถึงวัด....ในที่สุดผมก็มาถึง"ด้านหลังวัด"ครับ..จนเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วผมจึงตรวจสอบเส้นทาง..โธ่..น้องเนเอ๊ยยย..กับระยะทางที่ย่นลงแค่ราวแปดกิโลนี่..ถึงกับให้ไปเสี่ยงกับทางแบบออฟโรดเชียวรึ??คือถ้าไปแบบปกติมันก็ต้องวิ่งจนไปเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอแม่แตงอย่างที่ผมเข้าใจนั่นแหละ..จะเป็นถนนราดยางทั้งเส้นจนถึงวัด..นี่น้องเนพามาทางนี้ย่นระยะทางไปราวแปดกิโล..แต่เพิ่มระยะเวลาไปราวครึ่งชั่วโมง....พอจอดรถได้ก็รีบจัดกล้องลงไป..แล้วก็ต้องมายืนตะลึงกับความใหญ่โตโอ่อ่าสวยงามวิจิตตระการตาทั้งมหาวิหารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆของวัดนี้ครับ..]

..ออกจากอ่างขางราวสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วครับ..เพื่อจะมาที่วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกนแห่งนี้(คือผมเคยเห็นรีวิวมาจากในเฟซ..เลยอยากมามั่ง)แต่ได้ถ่ายใบแรกนี่ตอน 13.57น.
คือ GPS ก็บอกอยู่ว่ามันต้องใช้เวลาวิ่งจากอ่างขางถึงวัดนี้ราวสองชั่วโมงครึ่ง..โดยให้ใช้เส้นทางอรุโณทัย-เชียงดาว-แม่แตง..และผมเชื่อว่าผมทำเวลาได้ดีกว่าที่จีพีเอสกำหนด..
ผมจำได้คร่าวๆว่าวัดนี้อยู่ที่แม่แตง..และมันต้องเลี้ยวซ้ายจากถนนเมนเข้าอำเภอแม่แตงนี่นา..แต่จีพีเอสเค้าดันพามาทางลัด..ให้เลี้ยวซ้ายตรงสนามยิงปืนกองบังคับการ ตชด.
..ทางสามร้อยเมตรแรกก็เป็นคอนกรีตเล็กๆและรกๆ..เลยจากนั้นก็เป็นดินลูกรังวิ่งฝุ่นฟุ้งเข้าไปอีกสามกิโล..แล้วในที่สุดมันก็กลายเป็นเทรลทางเกวียนที่ทั้งหลุมบ่อและหญ้าขึ้นรกไปหมด..
วิ่งเลยไปจนเห็นฟร์ามวัวและมีคนอยู่ก็เลยเปิดกระจกถามทางสิครับ..คำตอบคือให้วิ่งย้อนออกมาราวสองร้อยเมตร..เมื่อถึงกอไผ่ให้เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปอีกราวกิโลครึ่งก็จะถึงวัด..
..ในที่สุดผมก็มาถึง"ด้านหลังวัด"ครับ..จนเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วผมจึงตรวจสอบเส้นทาง..โธ่..น้องเนเอ๊ยยย..กับระยะทางที่ย่นลงแค่ราวแปดกิโลนี่..ถึงกับให้ไปเสี่ยงกับทางแบบออฟโรดเชียวรึ??
คือถ้าไปแบบปกติมันก็ต้องวิ่งจนไปเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอแม่แตงอย่างที่ผมเข้าใจนั่นแหละ..จะเป็นถนนราดยางทั้งเส้นจนถึงวัด..นี่น้องเนพามาทางนี้ย่นระยะทางไปราวแปดกิโล..แต่เพิ่มระยะเวลาไปราวครึ่งชั่วโมง..
..พอจอดรถได้ก็รีบจัดกล้องลงไป..แล้วก็ต้องมายืนตะลึงกับความใหญ่โตโอ่อ่าสวยงามวิจิตตระการตาทั้งมหาวิหารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆของวัดนี้ครับ..

[..น่าเสียดาย..ที่ด้วยภาพขนาด 900X600 พิกเซลล์..และบีบให้ความจุแต่ละภาพไม่เกิน 400kb.ทำให้ผมหมดความสามารถที่จะนำเสนอสิ่งที่งดงามนี้ได้อย่างสมบูรณ์เต็มร้อย..ถ้าดูไฟล์เต็ม 23 ล้านพิกเซลล์..โดยดูด้วยจอขนาด 54 นิ้ว..ท่านจะได้รับรู้ถึงความงดงามอลังการมากกว่านี้หลายเท่าครับ....แต่ด้วยกฎเกณฑ์ของเวบ..มันก็ทำได้เพียงเท่านี้แหละ..ส่วนถ้าจะทำภาพให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้..ก็จะเป็นการทรมานผู้ที่ดูด้วยจอโทรศัพท์มือถือเล็กๆ..]

..น่าเสียดาย..ที่ด้วยภาพขนาด 900X600 พิกเซลล์..และบีบให้ความจุแต่ละภาพไม่เกิน 400kb.ทำให้ผมหมดความสามารถที่จะนำเสนอสิ่งที่งดงามนี้ได้อย่างสมบูรณ์เต็มร้อย..
ถ้าดูไฟล์เต็ม 23 ล้านพิกเซลล์..โดยดูด้วยจอขนาด 54 นิ้ว..ท่านจะได้รับรู้ถึงความงดงามอลังการมากกว่านี้หลายเท่าครับ..
..แต่ด้วยกฎเกณฑ์ของเวบ..มันก็ทำได้เพียงเท่านี้แหละ..ส่วนถ้าจะทำภาพให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้..ก็จะเป็นการทรมานผู้ที่ดูด้วยจอโทรศัพท์มือถือเล็กๆ..

[..ถ่ายภาพผ่านมาสามสี่วิหารแล้ว..จนมาถึงวิหารริมสุดทางด้านทิศเหนือก็มาเจอกับพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งอยู่..ผมจึงขออนุญาติท่านเก็บภาพและสนทนาสอบถามประวัติความเป็นมาของวัด..ท่านเมตตาบอกว่าวัดนี้สร้างมา 34 ปีแล้ว..โดนครูบาเทืองเป็นผู้บุกเบิก..แต่บัดนี้ยังไม่แล้วเสร็จ(ผมเองก็เดินผ่านมหาวิหาร+ศาลาที่กำลังก่อสร้างอยู่สี่ห้าหลัง)ผมถามว่าครูบาท่านยังอยู่หรือไม่..ท่านตอบว่ายังอยู่ในสิริอายุราวหกสิบกว่าแล้ว..ท่านเห็นผมถือกล้องเลยบอกให้ทราบว่าทางวัดจะเปิดไฟส่องมหาเจดีย์ในช่วงค่ำๆ..ถ้าโยมสนใจก็ไปตั้งหลักรอถ่ายตอนราวๆทุ่มนึงจากแถวท้องนาหน้าวัดสิ..เพราะเห็นส่วนใหญ่ตากล้องจะไปถ่ายมาจากมุมนั้น.....แม๊..น่าสนใจมากๆ(แต่ท่าน ผบ.ทบ.ไม่อนุมัติ)..สนทนากันอยู่กว่าสิบนาทีด้วยสารพัดเรื่องที่ผมจำไม่ค่อยได้แล้วเพราะสมองเมมโมรี่มันเก่า..ชอบแฮ็งค์และเออเร่อบ่อยๆด้วยอายุการใช้งานนานมากแล้ว..(คงต้องหาหัวมาเปลี่ยนแล้วหล่ะ)..ก่อนกราบลาท่านให้ศีลให้พรและมอบสายสิญจน์ผูกข้อมือกับพระเครื่ององค์เล็กๆให้สองชุด..นี่กลับมาถึงบ้านแล้วจึงได้เอามาพิจารณาดู..เป็นพระเครื่องจากวัดป่าวังน้ำเย็นของจังหวัดมหาสารคามครับ..]

..ถ่ายภาพผ่านมาสามสี่วิหารแล้ว..จนมาถึงวิหารริมสุดทางด้านทิศเหนือก็มาเจอกับพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งอยู่..ผมจึงขออนุญาติท่านเก็บภาพและสนทนาสอบถามประวัติความเป็นมาของวัด..
ท่านเมตตาบอกว่าวัดนี้สร้างมา 34 ปีแล้ว..โดนครูบาเทืองเป็นผู้บุกเบิก..แต่บัดนี้ยังไม่แล้วเสร็จ(ผมเองก็เดินผ่านมหาวิหาร+ศาลาที่กำลังก่อสร้างอยู่สี่ห้าหลัง)
ผมถามว่าครูบาท่านยังอยู่หรือไม่..ท่านตอบว่ายังอยู่ในสิริอายุราวหกสิบกว่าแล้ว..ท่านเห็นผมถือกล้องเลยบอกให้ทราบว่าทางวัดจะเปิดไฟส่องมหาเจดีย์ในช่วงค่ำๆ..ถ้าโยมสนใจก็ไปตั้งหลักรอถ่ายตอนราวๆทุ่มนึงจากแถวท้องนาหน้าวัดสิ..เพราะเห็นส่วนใหญ่ตากล้องจะไปถ่ายมาจากมุมนั้น.....แม๊..น่าสนใจมากๆ(แต่ท่าน ผบ.ทบ.ไม่อนุมัติ)
..สนทนากันอยู่กว่าสิบนาทีด้วยสารพัดเรื่องที่ผมจำไม่ค่อยได้แล้วเพราะสมองเมมโมรี่มันเก่า..ชอบแฮ็งค์และเออเร่อบ่อยๆด้วยอายุการใช้งานนานมากแล้ว..(คงต้องหาหัวมาเปลี่ยนแล้วหล่ะ)..
ก่อนกราบลาท่านให้ศีลให้พรและมอบสายสิญจน์ผูกข้อมือกับพระเครื่ององค์เล็กๆให้สองชุด..นี่กลับมาถึงบ้านแล้วจึงได้เอามาพิจารณาดู..เป็นพระเครื่องจากวัดป่าวังน้ำเย็นของจังหวัดมหาสารคามครับ..

[..นี่เข้ามาในกลุ่มเจดีย์แล้วครับ..นักท่องเที่ยวหนาตาเลย..มีทั้งไทย/ฝรั่ง/แขกฮินดู..แต่ที่มามากคือจีนครับ..นั่งรถโค้ชมีไกด์ถือธงนำ..และประเทศในโลกนี้ประเทศจีนมีคนนับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในโลก..มานั่งกราบขอพรกันประหลกๆ..]

..นี่เข้ามาในกลุ่มเจดีย์แล้วครับ..นักท่องเที่ยวหนาตาเลย..มีทั้งไทย/ฝรั่ง/แขกฮินดู..
แต่ที่มามากคือจีนครับ..นั่งรถโค้ชมีไกด์ถือธงนำ..และประเทศในโลกนี้ประเทศจีนมีคนนับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในโลก..มานั่งกราบขอพรกันประหลกๆ..

[..แดดในช่วงบ่ายสามนี่แรงจนแสบผิวครับ..แต่บางทีก็มีเมฆช่วยมาบังให้..เลยหลบแดดเข้าวิหารพระนอนก่อนดีกว่า..ตากแดดมากๆเดี๋ยวมะเร็งผิวหนังถามหา..อิๆ]

..แดดในช่วงบ่ายสามนี่แรงจนแสบผิวครับ..แต่บางทีก็มีเมฆช่วยมาบังให้..
เลยหลบแดดเข้าวิหารพระนอนก่อนดีกว่า..ตากแดดมากๆเดี๋ยวมะเร็งผิวหนังถามหา..อิๆ

[..ที่องค์พระนอนและยักษ์นั่นมีรายละเอียดเยอะมาก..เมื่อย่อรูปแล้วบีบให้เหลือเนื้อไฟล์ไม่เกิน 400kb.บางภาพจะเหลือคุณภาพแค่ 60-70 เปอร์เซนต์เท่านั้น..]

..ที่องค์พระนอนและยักษ์นั่นมีรายละเอียดเยอะมาก..เมื่อย่อรูปแล้วบีบให้เหลือเนื้อไฟล์ไม่เกิน 400kb.บางภาพจะเหลือคุณภาพแค่ 60-70 เปอร์เซนต์เท่านั้น..

[..นี่ออกจากกลุ่มเจดีย์มาถ่ายทางด้านวิหารต่างๆครับ..ด้วยว่าตอนนี้มันเกือบบ่ายสี่แล้ว..เป็นการถ่ายตามแสงละ..คือผมก็งงงงกับแปลนการก่อสร้างของที่นี่..ด้วยว่าวิหารหรือศาลาแต่ละหลังไม่ได้หันหน้าไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดครับ..]

..นี่ออกจากกลุ่มเจดีย์มาถ่ายทางด้านวิหารต่างๆครับ..ด้วยว่าตอนนี้มันเกือบบ่ายสี่แล้ว..เป็นการถ่ายตามแสงละ..
คือผมก็งงงงกับแปลนการก่อสร้างของที่นี่..ด้วยว่าวิหารหรือศาลาแต่ละหลังไม่ได้หันหน้าไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดครับ..

[..ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสวยของเชียงใหม่ที่พลาดไม่ได้..ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้นต้องแวะไปชมให้ได้ครับ..ผมถ่ายใบสุดท้ายที่ 15.56 น.แล้วก็ขับรถออกทางหน้าวัดเพื่อมุ่งหน้าเชียงใหม่..โดยใช้เส้นที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลแม่แตงนั่นแหละ..ไม่ย้อนกลับไปเส้นที่น้องเนพามาหรอก..อิๆ..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสวยของเชียงใหม่ที่พลาดไม่ได้..ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้นต้องแวะไปชมให้ได้ครับ..
ผมถ่ายใบสุดท้ายที่ 15.56 น.แล้วก็ขับรถออกทางหน้าวัดเพื่อมุ่งหน้าเชียงใหม่..โดยใช้เส้นที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลแม่แตงนั่นแหละ..ไม่ย้อนกลับไปเส้นที่น้องเนพามาหรอก..อิๆ
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

วัดนี้สวย กว้างขวาง แต่ก็มีสิ่งปลูกสร้างเยอะ แต่ก็ชอบ เดินถ่ายรูปเพลินเลย ผมเคยไป 2ครั้งครับ

[..ครับ..ยังสร้างอยู่ตลอดไม่จบไม่สิ้น..วิหาร-ศาลาแต่ละหลังอลังการมาก..]

วัดนี้สวย กว้างขวาง แต่ก็มีสิ่งปลูกสร้างเยอะ แต่ก็ชอบ เดินถ่ายรูปเพลินเลย ผมเคยไป 2ครั้งครับ

..ครับ..ยังสร้างอยู่ตลอดไม่จบไม่สิ้น..วิหาร-ศาลาแต่ละหลังอลังการมาก..