ต่อไป »

[..เมื่อกราบพระพุทธจตุรทิศแล้วคณะแสวงบุญก็มุ่งหน้ากลับมาทางอำเภอแม่วาง..แล้วท่านประธานก็ต้องเรียกความทรงจำเมื่อราวสิบกว่าปีที่เคยมาที่วัดหลวงขุนวินนี้ครั้งสุดท้ายมาใช้..เพราะเจ้ากูเกิ้ลแมปมันไม่ตอบสนองซะแล้ว....ครั้งก่อนหน้าที่ท่านประธานมานั้นผมเองก็มาด้วย..แต่ด้วยระยะเวลาและความชราภาพทำให้ความทรงจำนั้นเลือนลางเต็มที..จำได้เพียงคร่าวๆว่าเมื่อผ่านแหล่งท่องเที่ยวล่องแก่งแม่วินและปางช้างที่ฝรั่งชอบมาขี่ช้างล่องไพรแล้วนั้น..ทางขึ้นวัดจะอยู่ทางขวามือ..และเมื่อเรามาถึงตำแหน่งนั้น..ความทรงจำก็โชติช่วงขึ้นมา..เราจำทางขึ้นเขาไปวัดได้แล้วครับ....ในช่วงแรกถนนที่ผ่านหมู่บ้านมีการเทปูนอยู่บ้าง...แต่พอเลยหมู่บ้านขึ้นเขาแล้วไม่มีการพัฒนาอะไรเลย..ระยะทางสิบกิโลที่แยกจากถนนใหญ่ขึ้นมาต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง..และต้องเป็นโฟร์วีลหรือไม่ก็ปิกอัพยกสูงจึงจะสดวก...รถเก๋งรถตู้อย่าได้มาแหยม..เดี๋ยวจะได้กินข้าวลิงอยู่กลางป่ากลางเขาครับ..]

..เมื่อกราบพระพุทธจตุรทิศแล้วคณะแสวงบุญก็มุ่งหน้ากลับมาทางอำเภอแม่วาง..
แล้วท่านประธานก็ต้องเรียกความทรงจำเมื่อราวสิบกว่าปีที่เคยมาที่วัดหลวงขุนวินนี้ครั้งสุดท้ายมาใช้..เพราะเจ้ากูเกิ้ลแมปมันไม่ตอบสนองซะแล้ว..
..ครั้งก่อนหน้าที่ท่านประธานมานั้นผมเองก็มาด้วย..แต่ด้วยระยะเวลาและความชราภาพทำให้ความทรงจำนั้นเลือนลางเต็มที..
จำได้เพียงคร่าวๆว่าเมื่อผ่านแหล่งท่องเที่ยวล่องแก่งแม่วินและปางช้างที่ฝรั่งชอบมาขี่ช้างล่องไพรแล้วนั้น..ทางขึ้นวัดจะอยู่ทางขวามือ..
และเมื่อเรามาถึงตำแหน่งนั้น..ความทรงจำก็โชติช่วงขึ้นมา..เราจำทางขึ้นเขาไปวัดได้แล้วครับ..
..ในช่วงแรกถนนที่ผ่านหมู่บ้านมีการเทปูนอยู่บ้าง...แต่พอเลยหมู่บ้านขึ้นเขาแล้วไม่มีการพัฒนาอะไรเลย..ระยะทางสิบกิโลที่แยกจากถนนใหญ่ขึ้นมาต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง..
และต้องเป็นโฟร์วีลหรือไม่ก็ปิกอัพยกสูงจึงจะสดวก...รถเก๋งรถตู้อย่าได้มาแหยม..เดี๋ยวจะได้กินข้าวลิงอยู่กลางป่ากลางเขาครับ..

https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99/@18.7133269,98.6484168,11.5z/data=!4m12!1m6!3m5!1s0x30da4e8e4e3bc91d:0x93523c9457266146!2z4Lin4Lix4LiU4Lir4Lil4Lin4LiH4LiC4Li44LiZ4Lin4Li04LiZ!8m2!3d18.7149081!4d98.7150339!3m4!1s0x30da4e8e4e3bc91d:0x93523c9457266146!8m2!3d18.7149081!4d98.7150339

[..คณะเราขึ้นมาถึงวัดเอาเกือบเที่ยง..เมื่อถวายเครื่องอุปโภคบริโภคที่จัดเตรียมมาจากโลตัสศรีจอมทอง(เราทราบดีว่าวัดนี้ยากที่ใครจะขึ้นมาถวายจัตตุปัจจัย..เพราะเส้นทางมาลำบาก)แล้วแจ้งความจำนงค์กับหลวงพี่ว่าคณะเราจะขอพักอาศัยแรมคืนที่นี่เพื่อปฏิบัติธรรม..ซึ่งท่านก็อนุโมทนาตามเจตจำนงค์นี้โดยให้แม่ชีพาพี่สาวไปพักยังกุฏิที่แม่ชีอยู่..ส่วนผมและท่านประธานก็กางกลด เอ๊ยยย..กางเต็นท์ตรงระเบียงคตข้างหอพระไตรปิฎก..เสร็จแล้วผมก็เริ่มเดินสำรวจบริเวณ..ในส่วนของพระอุโบสถต์/หอพระไตร/ระเบียงคต..ทุกอย่างยังเหมือนเดิม..แต่ทางด้านกุฎิมีการก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาก..เพื่อรองรับพระอาคันตุกะที่มีมาพักปฎิบัติธรรม....ส่วนทางด้านโรงครัวและหอฉันก็ขยายเพิ่มเติม..และมีระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์(ที่นี่ไฟฟ้ามาไม่ถึง)..มีแม้กระทั่งตู้เย็น/ตู้แช่ซึ่งจำเป็นเพราะที่นี่ห่างไกลจากหมู่บ้านด้านล่างมากพระจึงไปบิณฑบตรไม่ได้..ข้าวปลาอาหารชาวบ้านจึงเอาขึ้นรถมาถวายครั้งละมากๆเพราะไม่ได้ขึ้นมากันบ่อยๆ..ฉนั้นจึงต้องมีตู้แช่ไว้ถนอมอาหาร..โดยมีแม่ชีและแม่ครัวคอยดูแลเรื่องภัตตาหารให้พระที่นี่....ไฟฟ้าส่องสว่างก็มีให้ใช้โดยผู้ส่งมาถวายก็ท่านประธานนี่แหละ..ทั้งสายไฟและหลอดไฟ..แต่ส่งมาทางขนส่ง..ไม่ได้ขึ้นมาด้วยตัวเอง..]

..คณะเราขึ้นมาถึงวัดเอาเกือบเที่ยง..เมื่อถวายเครื่องอุปโภคบริโภคที่จัดเตรียมมาจากโลตัสศรีจอมทอง(เราทราบดีว่าวัดนี้ยากที่ใครจะขึ้นมาถวายจัตตุปัจจัย..เพราะเส้นทางมาลำบาก)
แล้วแจ้งความจำนงค์กับหลวงพี่ว่าคณะเราจะขอพักอาศัยแรมคืนที่นี่เพื่อปฏิบัติธรรม..ซึ่งท่านก็อนุโมทนาตามเจตจำนงค์นี้โดยให้แม่ชีพาพี่สาวไปพักยังกุฏิที่แม่ชีอยู่..
ส่วนผมและท่านประธานก็กางกลด  เอ๊ยยย..กางเต็นท์ตรงระเบียงคตข้างหอพระไตรปิฎก..เสร็จแล้วผมก็เริ่มเดินสำรวจบริเวณ..
ในส่วนของพระอุโบสถต์/หอพระไตร/ระเบียงคต..ทุกอย่างยังเหมือนเดิม..แต่ทางด้านกุฎิมีการก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาก..เพื่อรองรับพระอาคันตุกะที่มีมาพักปฎิบัติธรรม..
..ส่วนทางด้านโรงครัวและหอฉันก็ขยายเพิ่มเติม..และมีระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์(ที่นี่ไฟฟ้ามาไม่ถึง)..มีแม้กระทั่งตู้เย็น/ตู้แช่ซึ่งจำเป็นเพราะที่นี่ห่างไกลจากหมู่บ้านด้านล่างมากพระจึงไปบิณฑบตรไม่ได้..
ข้าวปลาอาหารชาวบ้านจึงเอาขึ้นรถมาถวายครั้งละมากๆเพราะไม่ได้ขึ้นมากันบ่อยๆ..ฉนั้นจึงต้องมีตู้แช่ไว้ถนอมอาหาร..โดยมีแม่ชีและแม่ครัวคอยดูแลเรื่องภัตตาหารให้พระที่นี่..
..ไฟฟ้าส่องสว่างก็มีให้ใช้โดยผู้ส่งมาถวายก็ท่านประธานนี่แหละ..ทั้งสายไฟและหลอดไฟ..แต่ส่งมาทางขนส่ง..ไม่ได้ขึ้นมาด้วยตัวเอง..

[..ทางด้านหลังพระอุโบสถต์มีเจดีย์ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์ไว้(ประวัติเรื่องนี้ยาวมาก..ผมคงจารนัยที่นี่ไม่ไหวครับ)..กำลังมีการปรับปรุงซ่อมแซมทาสีบูรณะปฎิสังขรครับ..และหลวงพี่แจ้งว่าในวันมะรืนนี้จะมีเศรษฐีนีใจบุญนำสีทองราคาถังละเป็นหมื่นบาทหลายถังขึ้นมาเพื่อทาองค์เจดีย์นี้..และอยากให้ชาวคณะอยู่ร่วมทาสีก่อนจาริกไปที่อื่น..เพราะถือเป็นเนื้อนาบุญใหญ่ที่ได้ร่วมปฎิสังขรองค์พระธาตุ.....แต่..อนิจจา..บุญบารมีผมมีไม่ถึงครับ...คืนนั้นฝนตกลงมาหนักมากองค์เจดีย์เปียกชื้นไปหมด..ทางหลวงพ่อและโยมผู้บริจาคจึงมีความเห็นว่าให้ชลอการทาสีไปสักหลายวันก่อน..เพื่อรอให้องค์พระธาตุแห้งสนิทแล้วจึงค่อยทา..เพื่อความสวยงามคงทนขององค์พระธาตุครับ..]

..ทางด้านหลังพระอุโบสถต์มีเจดีย์ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์ไว้(ประวัติเรื่องนี้ยาวมาก..ผมคงจารนัยที่นี่ไม่ไหวครับ)..
กำลังมีการปรับปรุงซ่อมแซมทาสีบูรณะปฎิสังขรครับ..และหลวงพี่แจ้งว่าในวันมะรืนนี้จะมีเศรษฐีนีใจบุญนำสีทองราคาถังละเป็นหมื่นบาทหลายถังขึ้นมาเพื่อทาองค์เจดีย์นี้..
และอยากให้ชาวคณะอยู่ร่วมทาสีก่อนจาริกไปที่อื่น..เพราะถือเป็นเนื้อนาบุญใหญ่ที่ได้ร่วมปฎิสังขรองค์พระธาตุ..
...แต่..อนิจจา..บุญบารมีผมมีไม่ถึงครับ...คืนนั้นฝนตกลงมาหนักมากองค์เจดีย์เปียกชื้นไปหมด..ทางหลวงพ่อและโยมผู้บริจาคจึงมีความเห็นว่าให้ชลอการทาสีไปสักหลายวันก่อน..
เพื่อรอให้องค์พระธาตุแห้งสนิทแล้วจึงค่อยทา..เพื่อความสวยงามคงทนขององค์พระธาตุครับ..

[..จากหลังพระอุโบสถต์ผมก็เดินสำรวจไปตรงปากทางขึ้นมาวัด(คือที่นี่อยู่กลางป่าบนเขาสูงทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของดอยอินทนนท์)จึงไม่มีรั้ว/กำแพง/ประตูวัดใดๆทั้งสิ้น..ตอนมาถึงผมก็เห็นบันไดนาคราชสีขาวนี้สวยเด่นเป็นสง่าอยู่จึงเดินมาเก็บภาพครับ..ด้วยว่าครั้งที่แล้วที่มายังไม่มี..]

..จากหลังพระอุโบสถต์ผมก็เดินสำรวจไปตรงปากทางขึ้นมาวัด(คือที่นี่อยู่กลางป่าบนเขาสูงทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของดอยอินทนนท์)จึงไม่มีรั้ว/กำแพง/ประตูวัดใดๆทั้งสิ้น..
ตอนมาถึงผมก็เห็นบันไดนาคราชสีขาวนี้สวยเด่นเป็นสง่าอยู่จึงเดินมาเก็บภาพครับ..ด้วยว่าครั้งที่แล้วที่มายังไม่มี..

[..หากมาถึงวัดแล้วเมื่อเดินขึ้นบันไดนาคราชมาซ้ายมือก็จะเจอวิหารที่วิจิตรตระการตา..นี่ก็เป็นสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่เมื่อครั้งที่แล้วยังไม่มีครับ..เดินเข้าไปชม...อ้าว...ประตูปิดนี่นา..]

..หากมาถึงวัดแล้วเมื่อเดินขึ้นบันไดนาคราชมาซ้ายมือก็จะเจอวิหารที่วิจิตรตระการตา..
นี่ก็เป็นสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่เมื่อครั้งที่แล้วยังไม่มีครับ..เดินเข้าไปชม...อ้าว...ประตูปิดนี่นา..

[..ผมเลยเดินเลยลึกเข้าไปอีกหน่อยที่เห็นวิหารทรงสูงอีกหลังตั้งอยู่..]

..ผมเลยเดินเลยลึกเข้าไปอีกหน่อยที่เห็นวิหารทรงสูงอีกหลังตั้งอยู่..

[..ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งสร้างจากไม้ปางยืนครับ..พุทธศิลป์สมมาตรอ่อนช้อยงดงามด้วยฝีมือช่างชั้นครู..]

..ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งสร้างจากไม้ปางยืนครับ..พุทธศิลป์สมมาตรอ่อนช้อยงดงามด้วยฝีมือช่างชั้นครู..

[..ถ่ายภาพแล้วกราบท่านเสร็จ..หันมองมาที่วิหารหลังแรก..อ้าว..ด้านหน้าของวิหารอยู่ทางนี้ครับและที่แน่ๆคือมันเปิดอยู่..เราเข้าไปชมกัน..]

..ถ่ายภาพแล้วกราบท่านเสร็จ..หันมองมาที่วิหารหลังแรก..อ้าว..ด้านหน้าของวิหารอยู่ทางนี้ครับ
และที่แน่ๆคือมันเปิดอยู่..เราเข้าไปชมกัน..

[..เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ..ช่างงามวิจิตรยิ่งนัก...ทั้งลายกนกและองค์เทวดาหน้าประตู..ดูเคร่งขรึมงามสง่าด้วยสีน้ำตาลไหม้คาดลายด้วยสีทองหม่นๆไม่ฉูดฉาดบาดตา..ดูแล้วน่าเลื่อมใสศรัทธาครับ....ด้านในประดิษฐานพระปางไสยาสน์ซึ่งก็สร้างจากไม้เช่นกัน..โทนสีแบบนี้ช่างเข้มขลังจริงๆ..]

..เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ..ช่างงามวิจิตรยิ่งนัก...ทั้งลายกนกและองค์เทวดาหน้าประตู..
ดูเคร่งขรึมงามสง่าด้วยสีน้ำตาลไหม้คาดลายด้วยสีทองหม่นๆไม่ฉูดฉาดบาดตา..ดูแล้วน่าเลื่อมใสศรัทธาครับ..
..ด้านในประดิษฐานพระปางไสยาสน์ซึ่งก็สร้างจากไม้เช่นกัน..โทนสีแบบนี้ช่างเข้มขลังจริงๆ..

[..กราบท่านแล้วออกมาหน้าประตูวิหาร..นี่เป็นมุมที่มองกลับไปยังวิหารพระยืนครับ..บรรยากาศเงียบสงบไร้ผู้คนอื่นใด..หลวงพี่ที่วัดแจ้งให้ทราบทีหลังว่าไม้ที่สร้างองค์พระนอนและพระยืนนั้น(ยังมีพระนั่งอีกองค์อยู่ที่หอฉันที่ผมถ่ายมาด้วยกล้องของท่านประธานตอนไปถวายภัตตาหาร)ทั้งหมดสร้างจากต้นจำปีป่า(หมายถึงทั้งสามองค์สร้างจากต้นเดียวกัน)ซึ่งขึ้นอยู่ข้างวัดนี่แหละ..โดยฝีมือช่างแกะสลักชาวเหนือที่มาบรรจงสร้างที่วัดเลยครับ....โดยช่างท่านนี้เคยบวชอยุ่ที่นี่..เมื่อสึกไปแล้วก็ยังมีเลื่อมใสศรัทธาอันแรงกล้า..จึงทุ่มเทสุดฝีมือ..น่าแปลกที่สร้างพระนั่ง/พระนอน/พระยืน..แต่ทำไมไม่สร้างพระเดินด้วยครับ...จะได้ครบๆอริยาบทสี่...อิๆๆ]

..กราบท่านแล้วออกมาหน้าประตูวิหาร..นี่เป็นมุมที่มองกลับไปยังวิหารพระยืนครับ..บรรยากาศเงียบสงบไร้ผู้คนอื่นใด..
หลวงพี่ที่วัดแจ้งให้ทราบทีหลังว่าไม้ที่สร้างองค์พระนอนและพระยืนนั้น(ยังมีพระนั่งอีกองค์อยู่ที่หอฉันที่ผมถ่ายมาด้วยกล้องของท่านประธานตอนไปถวายภัตตาหาร)
ทั้งหมดสร้างจากต้นจำปีป่า(หมายถึงทั้งสามองค์สร้างจากต้นเดียวกัน)ซึ่งขึ้นอยู่ข้างวัดนี่แหละ..โดยฝีมือช่างแกะสลักชาวเหนือที่มาบรรจงสร้างที่วัดเลยครับ..
..โดยช่างท่านนี้เคยบวชอยุ่ที่นี่..เมื่อสึกไปแล้วก็ยังมีเลื่อมใสศรัทธาอันแรงกล้า..จึงทุ่มเทสุดฝีมือ..
น่าแปลกที่สร้างพระนั่ง/พระนอน/พระยืน..แต่ทำไมไม่สร้างพระเดินด้วยครับ...จะได้ครบๆอริยาบทสี่...อิๆๆ

[..ส่วนทางด้านงานศิลป์ของตัววิหารทั้งสองหลังนี้หลวงพี่บอกว่าเป็นการออกแบบรังสรรค์โดยท่านเจ้าอาวาสเอง..ทั้งรูปแบบและสีสันครับ..วันที่ชาวคณะเราไปถึงท่านมีกิจนิมนต์จึงไม่ได้อยุ่ที่วัด..แต่ในวันรุ่งท่านก็กลับมา..ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านชื่ออะไรและจำไม่ได้ว่าท่านมาจากวัดชลประทานหรือวัดสังฆทานอันใดอันหนึ่งนี่แหละ..]

..ส่วนทางด้านงานศิลป์ของตัววิหารทั้งสองหลังนี้หลวงพี่บอกว่าเป็นการออกแบบรังสรรค์โดยท่านเจ้าอาวาสเอง..ทั้งรูปแบบและสีสันครับ..
วันที่ชาวคณะเราไปถึงท่านมีกิจนิมนต์จึงไม่ได้อยุ่ที่วัด..แต่ในวันรุ่งท่านก็กลับมา..ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านชื่ออะไรและจำไม่ได้ว่าท่านมาจากวัดชลประทานหรือวัดสังฆทานอันใดอันหนึ่งนี่แหละ..

[..ส่วนนี่..เป็นกุฎิที่สำคัญมากของที่นี่..คือกุฎิ"หลวงพ่อเณร"ครับ..เมื่อสิบกว่าปีก่อนสมัยที่มาที่นี่ครั้งแรก..เราพบนักบวชที่ห่มจีวรและมีหมวกไหมพรมสวมใส่อยู่บนศรีษะ(ด้วยว่าอากาศบนดอยสูงมันหนาว)ซึ่งตอนนั้นมีท่านอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว..รูปร่างผอมเกร็ง..มองดูอายุอานามก็น่าจะราวเจ็ดสิบ..สอบถามท่านๆก็ตอบว่า"เก้าซิบ"..ถามว่าท่านเป็นพระหรือท่านก็ตอบว่าไม่ใช่..ท่านถือเพียงศีลแปดจึงเป็นเพียงเณร..สาเหตุที่ถือเพียงศีลแปดนั้นเพราะว่าหากเป็นพระจะหุงหาอาหารกินเองไม่ได้..และมันจะอาบัติด้วยว่าไม่มีใครที่ไหนมาประเคน..ส่วนเณรทำได้ไม่ผิดศีล..ด้วยท่านตั้งจิตที่จะดูแลรักษาวัดและพระธาตุองค์นี้ท่านจึงต้องเป็นเพียงเณรทั้งที่อายุเก้าสิบแล้ว..จนเวลาผ่านไปราวสี่-ห้าปีผมได้มีโอกาสไปกราบท่านอีกครั้ง..ถามท่านอีกทีท่านก็ตอบว่า"เก้าซิบ"เหมือนเดิม.....มาถึงวันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วครับ..เพราะท่านไม่อยู่ให้กราบแล้ว..แม่ชีบอกว่าท่านละสังขารไปเมื่อสาม-สี่ปีที่แล้ว..อนิจจังวัฎฎสังขารา..เหลือเพียงกุฎิเก่าๆที่ท่านเคยจำวัดหลังนี้..ส่วนดวงจิตท่านคงอยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้าที่ไหนสักแห่ง..อามิตตพุทธ....ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..ส่วนนี่..เป็นกุฎิที่สำคัญมากของที่นี่..คือกุฎิ"หลวงพ่อเณร"ครับ..
เมื่อสิบกว่าปีก่อนสมัยที่มาที่นี่ครั้งแรก..เราพบนักบวชที่ห่มจีวรและมีหมวกไหมพรมสวมใส่อยู่บนศรีษะ(ด้วยว่าอากาศบนดอยสูงมันหนาว)ซึ่งตอนนั้นมีท่านอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว..
รูปร่างผอมเกร็ง..มองดูอายุอานามก็น่าจะราวเจ็ดสิบ..สอบถามท่านๆก็ตอบว่า"เก้าซิบ"..ถามว่าท่านเป็นพระหรือท่านก็ตอบว่าไม่ใช่..ท่านถือเพียงศีลแปดจึงเป็นเพียงเณร..
สาเหตุที่ถือเพียงศีลแปดนั้นเพราะว่าหากเป็นพระจะหุงหาอาหารกินเองไม่ได้..และมันจะอาบัติด้วยว่าไม่มีใครที่ไหนมาประเคน..ส่วนเณรทำได้ไม่ผิดศีล..
ด้วยท่านตั้งจิตที่จะดูแลรักษาวัดและพระธาตุองค์นี้ท่านจึงต้องเป็นเพียงเณรทั้งที่อายุเก้าสิบแล้ว..จนเวลาผ่านไปราวสี่-ห้าปีผมได้มีโอกาสไปกราบท่านอีกครั้ง..ถามท่านอีกทีท่านก็ตอบว่า"เก้าซิบ"เหมือนเดิม...
..มาถึงวันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วครับ..เพราะท่านไม่อยู่ให้กราบแล้ว..แม่ชีบอกว่าท่านละสังขารไปเมื่อสาม-สี่ปีที่แล้ว..อนิจจังวัฎฎสังขารา..
เหลือเพียงกุฎิเก่าๆที่ท่านเคยจำวัดหลังนี้..ส่วนดวงจิตท่านคงอยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้าที่ไหนสักแห่ง..อามิตตพุทธ..
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยไปครับ

[ฮ้าาาา..งั้นต้องไปรื้อฟื้นความทรงจำแล้วหล่ะ..เอ...แต่อาจจะเพราะเคยเห็นรูปในกระทู้เก่าๆที่ผมลงไว้ก็เป็นได้นะครับ..]

รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยไปครับ

ฮ้าาาา..งั้นต้องไปรื้อฟื้นความทรงจำแล้วหล่ะ..
เอ...แต่อาจจะเพราะเคยเห็นรูปในกระทู้เก่าๆที่ผมลงไว้ก็เป็นได้นะครับ..