ต่อไป »

[..เมื่อเช้ากลับจากคลองกรวดแล้วไกด์พามาทานมื้อเช้าที่ร้านติ่มซำในเมืองครับ..ซึ่งเป็นของนึ่งสารพัดชนิดวางอยู่ในเข่งไม้ไผ่เล็กๆไกด์บอกว่าอยากกินอะไรก็ไปยกมาเต็มที่เลย..ไม่มีอั้น..ขออย่างเดียวว่าเอามาแล้วต้องทานให้หมดไม่งั้นทางร้านจะปรับเงินเพิ่ม..ผมเองกินไม่เก่ง..ก็ยกมาเพียงสามเข่ง..แต่บรรดาพ่อเจ้าประคุณทั้งหลายยกมากันคนละเป็นสิบเข่ง..แม่จ้าว..จะกินกันไหวรึ?..แต่ปรากฏว่าไม่มีเหลือเลยครับ..แน่นอนจริงๆ..ฮ่าๆๆ..แถมผมซื้อทุเรียนที่ทางร้านแกะขายมาให้ชิมสองลูกก็ไม่เหลือเช่นกัน....จากนั้นกลับโรงแรมไปพักผ่อน..โดยไกด์นัดรับไปทานมื้อเที่ยงที่"ตะโกลา"ตอนบ่ายโมง..เพราะมื้อเช้าวันนี้เราทานเอาสายมากราวๆเก้าโมงแล้ว..ออกจากตะโกลาไกด์มาปรึกษาผมว่าช่วงเวลาจากนี้ไปถึงตอนเย็นที่คณะเราจะไปถ่ายตามโปรแกรมที่ท่าเลน..เวลามันเหลือเยอะ..จะพาแวะไปถ่ายนกเหยี่ยวก่อนเพื่อค่าเวลาให้..ผมตกลงตามนั้น..แต่เมื่อถึงหมายซึ่งเป็นศูนย์บำบัดน้ำเสียของจังหวัดที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่หลายบึง..มันมีนกเหยี่ยวแดงบินอยู่ไกลๆ..แต่ผมเห็นแล้วบอกไม่ไหวเพราะแต่ละท่านเลนส์ยาวสุดขนมาแค่ 400 มิล..ปกติผมพาไปถ่ายนี่ระยะเต็มเฟรมแบบไม่ต้องคร์อป..นี่ถ่ายมาคงได้ตัวเท่าแมงหวี่...แถมแดดก็ร้อนสุดๆ..เลยแจ้งไกด์ว่าไม่เอาครับ...ไกด์เลยนำเสนอว่างั้นพาไปเดินชมตลาดก่อน..แต่เมื่อไปถึงตลาดเค้าเปิดขายกันสี่โมงเย็น..ฮ่าๆๆ..ไกด์หมดหนทางเข้าก็เลยพามาสนามหน้าเมือง..กะว่าให้ถ่ายวิวค่าเวลาอยู่แถวนั้น..แต่เมื่อลงรถไปปั๊บก็มีคนเดินมาถามว่าไปเที่ยวถ้ำมั้ย..นั่งเรือไปราวสิบห้านาทีถึง..ค่าเรือคนละหนึ่งร้อยบาท..ผมมองเวลา..ตอนนี้บ่ายสองครึ่งนั่งเรือไป-กลับก็ครึ่งชั่วโมง..ก็ยังมีเวลาในถ้ำหนึ่งชั่วโมงสิ..ผมตกลงนัดหมายให้ไกด์รออยู่ที่รถ..เพราะนี่นอกรายการของโปรแกรมทัวร์..จากนั้นเรียกชาวไต้หวันรีบขึ้นเรือครับ....ลำนี้แหละ..ยานพาหนะอันหรูหราของเรา...ที่มันสนิมเขรอะเพราะน้ำแถวนี้เป็นน้ำกร่อยเพราะอยู่ใกล้ปากทะเลครับ..]

..เมื่อเช้ากลับจากคลองกรวดแล้วไกด์พามาทานมื้อเช้าที่ร้านติ่มซำในเมืองครับ..ซึ่งเป็นของนึ่งสารพัดชนิดวางอยู่ในเข่งไม้ไผ่เล็กๆ
ไกด์บอกว่าอยากกินอะไรก็ไปยกมาเต็มที่เลย..ไม่มีอั้น..ขออย่างเดียวว่าเอามาแล้วต้องทานให้หมดไม่งั้นทางร้านจะปรับเงินเพิ่ม..
ผมเองกินไม่เก่ง..ก็ยกมาเพียงสามเข่ง..แต่บรรดาพ่อเจ้าประคุณทั้งหลายยกมากันคนละเป็นสิบเข่ง..แม่จ้าว..จะกินกันไหวรึ?..
แต่ปรากฏว่าไม่มีเหลือเลยครับ..แน่นอนจริงๆ..ฮ่าๆๆ..แถมผมซื้อทุเรียนที่ทางร้านแกะขายมาให้ชิมสองลูกก็ไม่เหลือเช่นกัน..
..จากนั้นกลับโรงแรมไปพักผ่อน..โดยไกด์นัดรับไปทานมื้อเที่ยงที่"ตะโกลา"ตอนบ่ายโมง..เพราะมื้อเช้าวันนี้เราทานเอาสายมากราวๆเก้าโมงแล้ว..
ออกจากตะโกลาไกด์มาปรึกษาผมว่าช่วงเวลาจากนี้ไปถึงตอนเย็นที่คณะเราจะไปถ่ายตามโปรแกรมที่ท่าเลน..เวลามันเหลือเยอะ..จะพาแวะไปถ่ายนกเหยี่ยวก่อนเพื่อค่าเวลาให้..
ผมตกลงตามนั้น..แต่เมื่อถึงหมายซึ่งเป็นศูนย์บำบัดน้ำเสียของจังหวัดที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่หลายบึง..มันมีนกเหยี่ยวแดงบินอยู่ไกลๆ..แต่ผมเห็นแล้วบอกไม่ไหวเพราะแต่ละท่านเลนส์ยาวสุดขนมาแค่ 400 มิล..
ปกติผมพาไปถ่ายนี่ระยะเต็มเฟรมแบบไม่ต้องคร์อป..นี่ถ่ายมาคงได้ตัวเท่าแมงหวี่...แถมแดดก็ร้อนสุดๆ..เลยแจ้งไกด์ว่าไม่เอาครับ.
..ไกด์เลยนำเสนอว่างั้นพาไปเดินชมตลาดก่อน..แต่เมื่อไปถึงตลาดเค้าเปิดขายกันสี่โมงเย็น..ฮ่าๆๆ..ไกด์หมดหนทางเข้าก็เลยพามาสนามหน้าเมือง..กะว่าให้ถ่ายวิวค่าเวลาอยู่แถวนั้น..
แต่เมื่อลงรถไปปั๊บก็มีคนเดินมาถามว่าไปเที่ยวถ้ำมั้ย..นั่งเรือไปราวสิบห้านาทีถึง..ค่าเรือคนละหนึ่งร้อยบาท..ผมมองเวลา..ตอนนี้บ่ายสองครึ่งนั่งเรือไป-กลับก็ครึ่งชั่วโมง..ก็ยังมีเวลาในถ้ำหนึ่งชั่วโมงสิ..
ผมตกลงนัดหมายให้ไกด์รออยู่ที่รถ..เพราะนี่นอกรายการของโปรแกรมทัวร์..จากนั้นเรียกชาวไต้หวันรีบขึ้นเรือครับ..
..ลำนี้แหละ..ยานพาหนะอันหรูหราของเรา...ที่มันสนิมเขรอะเพราะน้ำแถวนี้เป็นน้ำกร่อยเพราะอยู่ใกล้ปากทะเลครับ..

[..นี่คือเป้าหมายของเรา..มันชื่อว่า"เขาขนาบน้ำ"ที่มาของชื่อนี้อาจจะเพราะเป็นเขาเล็กๆสองลูกตั้งขนาบอยู่คนละฝั่งแม่น้ำนี่แหละครับ..เจ้าภูเขาหินปูนตัดแหว่งครึ่งทางขวานั่นแหละคือที่เราจะไป..]

..นี่คือเป้าหมายของเรา..มันชื่อว่า"เขาขนาบน้ำ"ที่มาของชื่อนี้อาจจะเพราะเป็นเขาเล็กๆสองลูกตั้งขนาบอยู่คนละฝั่งแม่น้ำนี่แหละครับ..
เจ้าภูเขาหินปูนตัดแหว่งครึ่งทางขวานั่นแหละคือที่เราจะไป..

[..ถึงท่าเรือของเขาขนาบน้ำแล้ว..ลูกทัวร์หญิงคนเดียวของคณะนี่จัดแอคเซสเซอรี่มาเต็มๆ..กล้องสองเลนส์อีกห้าหกตัว...ต้องใช้กระเป๋าลากกันเลยทีเดียว..]

..ถึงท่าเรือของเขาขนาบน้ำแล้ว..ลูกทัวร์หญิงคนเดียวของคณะนี่จัดแอคเซสเซอรี่มาเต็มๆ..กล้องสองเลนส์อีกห้าหกตัว...ต้องใช้กระเป๋าลากกันเลยทีเดียว..

[..ต้องจ่ายค่าบัตรเข้าชมกันอีกท่านละยี่สิบบาทครับ..และเมื่อผ่านด่านแล้วต้องเดินไปปากถ้ำอีกราวสองร้อยเมตร..และเป็นสองร้อยเมตรที่ลูกทัวร์ใช้เวลาเดินนานมาก..เพราะมัวแต่ถ่ายลิงไม่เลิกรา..ผมเตือนอยู่หลายครั้งว่าเวลาเรามีน้อยให้รีบหน่อยก็ยังชักช้าอยู่นั่น..จนผมไม่รอแล้ว..เดินขึ้นบันไดนำหน้าเข้าถ้ำเลย..]

..ต้องจ่ายค่าบัตรเข้าชมกันอีกท่านละยี่สิบบาทครับ..และเมื่อผ่านด่านแล้วต้องเดินไปปากถ้ำอีกราวสองร้อยเมตร..และเป็นสองร้อยเมตรที่ลูกทัวร์ใช้เวลาเดินนานมาก..เพราะมัวแต่ถ่ายลิงไม่เลิกรา..
ผมเตือนอยู่หลายครั้งว่าเวลาเรามีน้อยให้รีบหน่อยก็ยังชักช้าอยู่นั่น..จนผมไม่รอแล้ว..เดินขึ้นบันไดนำหน้าเข้าถ้ำเลย..

[..นักท่องเที่ยวน้อยครับ..เป็นชาวคอเคเชี่ยนราวๆยี่สิบคน..ถ้ำนี้อากาศโปร่งไม่อับทึบ..เพราะมันลึกแค่ราวร้อยห้าสิบเมตร..และปลายถ้ำมันทะลุออกไปทางภูเขาที่แหว่งครึ่งนั่นแหละ..ทำให้อากาศไหลถ่ายเทได้สะดวก..]

..นักท่องเที่ยวน้อยครับ..เป็นชาวคอเคเชี่ยนราวๆยี่สิบคน..
ถ้ำนี้อากาศโปร่งไม่อับทึบ..เพราะมันลึกแค่ราวร้อยห้าสิบเมตร..และปลายถ้ำมันทะลุออกไปทางภูเขาที่แหว่งครึ่งนั่นแหละ..ทำให้อากาศไหลถ่ายเทได้สะดวก..

[..ไม่ได้มีผลึกคริสตอลสวยใสอย่างใครเค้าหรอกครับ..มีแต่หุ่นปั้นมนุษย์ยุคหินและทหารญี่ปุ่นยุคสงครามโลกไว้ให้ชม..คือตามประวัติถ้ำบอกไว้ว่าทหารญี่ปุ่นเคยมาตั้งค่ายอาศัยอยู่ในถ้ำนี้..ตอนกรีฑาทัพผ่านไทยเพื่อจะเข้าไปตีพม่า..แต่มายอมแพ้สงครามเพราะระเบิดนิวเคลียร์ลงที่ฮิโรชิมาซะก่อน..]

..ไม่ได้มีผลึกคริสตอลสวยใสอย่างใครเค้าหรอกครับ..มีแต่หุ่นปั้นมนุษย์ยุคหินและทหารญี่ปุ่นยุคสงครามโลกไว้ให้ชม..
คือตามประวัติถ้ำบอกไว้ว่าทหารญี่ปุ่นเคยมาตั้งค่ายอาศัยอยู่ในถ้ำนี้..ตอนกรีฑาทัพผ่านไทยเพื่อจะเข้าไปตีพม่า..แต่มายอมแพ้สงครามเพราะระเบิดนิวเคลียร์ลงที่ฮิโรชิมาซะก่อน..

[..ถ่ายถ้ำนี่ถ้าไม่มีคนอยู่ในเฟรมจะทำให้คาดเดาความยิ่งใหญ่ลำบาก..เพราะมันจะไม่มีตัวเปรียบเทียบ..ที่นี่ถ่ายง่ายครับ...เพราะมีแสงสาดส่องเข้ามาพอให้มองเห็นลางๆ..ส่วนที่เหลือผมก็ใช้ทั้งแฟลชและไฟฉายส่องเพื่อบันทึกภาพ..]

..ถ่ายถ้ำนี่ถ้าไม่มีคนอยู่ในเฟรมจะทำให้คาดเดาความยิ่งใหญ่ลำบาก..เพราะมันจะไม่มีตัวเปรียบเทียบ..
ที่นี่ถ่ายง่ายครับ...เพราะมีแสงสาดส่องเข้ามาพอให้มองเห็นลางๆ..ส่วนที่เหลือผมก็ใช้ทั้งแฟลชและไฟฉายส่องเพื่อบันทึกภาพ..

[..แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือสิ่งที่ชาวไต้หวันยืนมองและถ่ายรูปอยู่นั่นแหละครับ..]

..แต่สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือสิ่งที่ชาวไต้หวันยืนมองและถ่ายรูปอยู่นั่นแหละครับ..

[..มันคือโครงกระดูกและหัวกระโหลกของร่างที่ดูคล้ายมนุษย์...แต่ขนาดมันใหญ่โตราวสิบเมตรกันเลยทีเดียว..ยักษ์ครับ..นี่คือโครงกระดูกของยักษ์ที่ตำนานถ้ำบอกว่ามันเคยอาศัยอยู่ในถ้ำนี้เมื่อครั้งก่อนพุทธกาล..เมื่อเสียชีวิตแล้วก็ยังหลงเหลือโครงกระดูกนี้ไว้ยืนยันการมีอยู่จริงของยักษ์....ผมเองเคยได้ยินเรื่องราวนี้มาจากรายการข่าวโทรทัศน์ช่องไหนสักช่องนึง..และในใจตอนนั้นผมไม่เชื่อว่าจะมีจริง...แต่นี่มาเจอเข้าเต็มๆแล้วครับ..เห็นแบบนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...ถ้า..ตอนก่อนขึ้นถ้ำมาไม่มีแผ่นป้ายอธิบายรายละเอียดของโครงกระดูกนี้ไว้..ว่ามันเป็นงานศิลป์ของศิลปินชาวจีนแผ่นดินใหญ่มาสรรค์สร้างไว้...ฮ่าๆๆๆ....คือ..เคยมีคนพบเขี้ยวอะไรบางอย่างในถ้ำนี้..และจินตนาการไปว่ามันเป็นเขี้ยวยักษ์..ร่ำลือกันหนักจนทางจังหวัดคิดช่องทางหาเงินได้..เลยเอามาสร้างเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวสนใจมา..ก็เท่านั้นเอง..ก๊ากกกสร้างสตอรี่//สตอแหลเอาไว้ว่ายักษ์ตัวนี้ต่อสู้กับงูใหญ่..และพลาดท่าตายทั้งคู่อยู่ด้วยกันที่นี่จนบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของโลก..ฮ่าๆๆแล้วทำไมต้องเป็นศิลปินชาวจีนมาทำหล่ะ..เรื่องนี้อาจจะเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งในเวลานั้นกำลังบูมครับ....ส่วนอุปกรณ์อีเหละเขะขะที่ทิ้งอยู่ข้างโครงกระดูกเรซิ่นนั่น...เพื่อทำให้ดูเหมือนว่างานขุดค้นนี้ยังทำไม่จบสิ้น..เหอๆๆ]

..มันคือโครงกระดูกและหัวกระโหลกของร่างที่ดูคล้ายมนุษย์...แต่ขนาดมันใหญ่โตราวสิบเมตรกันเลยทีเดียว..
ยักษ์ครับ..นี่คือโครงกระดูกของยักษ์ที่ตำนานถ้ำบอกว่ามันเคยอาศัยอยู่ในถ้ำนี้เมื่อครั้งก่อนพุทธกาล..เมื่อเสียชีวิตแล้วก็ยังหลงเหลือโครงกระดูกนี้ไว้ยืนยันการมีอยู่จริงของยักษ์..
..ผมเองเคยได้ยินเรื่องราวนี้มาจากรายการข่าวโทรทัศน์ช่องไหนสักช่องนึง..และในใจตอนนั้นผมไม่เชื่อว่าจะมีจริง...แต่นี่มาเจอเข้าเต็มๆแล้วครับ..
เห็นแบบนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...ถ้า..ตอนก่อนขึ้นถ้ำมาไม่มีแผ่นป้ายอธิบายรายละเอียดของโครงกระดูกนี้ไว้..ว่ามันเป็นงานศิลป์ของศิลปินชาวจีนแผ่นดินใหญ่มาสรรค์สร้างไว้...ฮ่าๆๆๆ..
..คือ..เคยมีคนพบเขี้ยวอะไรบางอย่างในถ้ำนี้..และจินตนาการไปว่ามันเป็นเขี้ยวยักษ์..ร่ำลือกันหนักจนทางจังหวัดคิดช่องทางหาเงินได้..เลยเอามาสร้างเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวสนใจมา..ก็เท่านั้นเอง..ก๊ากกก
สร้างสตอรี่//สตอแหลเอาไว้ว่ายักษ์ตัวนี้ต่อสู้กับงูใหญ่..และพลาดท่าตายทั้งคู่อยู่ด้วยกันที่นี่จนบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของโลก..ฮ่าๆๆ
แล้วทำไมต้องเป็นศิลปินชาวจีนมาทำหล่ะ..เรื่องนี้อาจจะเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งในเวลานั้นกำลังบูมครับ..
..ส่วนอุปกรณ์อีเหละเขะขะที่ทิ้งอยู่ข้างโครงกระดูกเรซิ่นนั่น...เพื่อทำให้ดูเหมือนว่างานขุดค้นนี้ยังทำไม่จบสิ้น..เหอๆๆ

[..บ่ายสามสี่สิบห้า..หมดเวลาแล้วครับ..ผมเรียกชาวไต้หวันให้กลับไปลงเรือ..แต่ว่าขาดไปไหนคนนึงหว่า??..รออยู่เกือบสิบนาทีก็ไม่เห็นมา..ในที่สุดผมต้องเดินกลับไปตามหาที่ถ้ำ...ก็เจอพ่อเจ้าประคุณพึ่งจะเดินกะย่องกะแย่งลงบันไดมา....พอนั่งเรือกลับมาถึงท่าหน้าเมืองก็มีการเก็บภาพที่ระลึกกันครับ..เสียงมิเชลร้อง "จัมพ์ๆๆ"..นายท้ายเรือก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจัมพ์ให้อยู่หลายครั้ง..หากยิ้มแย้มแจ่มใสมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวให้สมกับคำว่าไทยสมายล์..และไม่ไปฟันเค้าหัวแตกเหมือนหลายๆครั้งที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก..เราก็ยังหากินกับการท่องเที่ยวได้ตลอดไป....ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..บ่ายสามสี่สิบห้า..หมดเวลาแล้วครับ..ผมเรียกชาวไต้หวันให้กลับไปลงเรือ..แต่ว่าขาดไปไหนคนนึงหว่า??..
รออยู่เกือบสิบนาทีก็ไม่เห็นมา..ในที่สุดผมต้องเดินกลับไปตามหาที่ถ้ำ...ก็เจอพ่อเจ้าประคุณพึ่งจะเดินกะย่องกะแย่งลงบันไดมา..
..พอนั่งเรือกลับมาถึงท่าหน้าเมืองก็มีการเก็บภาพที่ระลึกกันครับ..เสียงมิเชลร้อง "จัมพ์ๆๆ"..นายท้ายเรือก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจัมพ์ให้อยู่หลายครั้ง..
หากยิ้มแย้มแจ่มใสมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวให้สมกับคำว่าไทยสมายล์..และไม่ไปฟันเค้าหัวแตกเหมือนหลายๆครั้งที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก..เราก็ยังหากินกับการท่องเที่ยวได้ตลอดไป..
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

...นึกว่าเป็นโครงกระดูกจริงซะอีก...

[..รายการทีวีที่ผมดูเค้าก็ไม่บอกให้รู้ว่าเป็นงานศิลป์นะ..ทิ้งให้คลุมเครือไว้อย่างนั้น...ให้ผู้คนสงสัยจะได้ตะเกียกตะกายมาดูด้วยตาตัวเอง..เพราะถ้าบอกความจริงไปแล้วจะทำให้ขาดความเร้าใจ...ฮ่าๆๆ..นี่เค้าไม่ได้โกหกหลอกลวงนะ..เพียงแค่ไม่พูดให้หมดด้วยเพราะหวังผลประโยชน์ครับ..]

...นึกว่าเป็นโครงกระดูกจริงซะอีก...

..รายการทีวีที่ผมดูเค้าก็ไม่บอกให้รู้ว่าเป็นงานศิลป์นะ..ทิ้งให้คลุมเครือไว้อย่างนั้น...ให้ผู้คนสงสัยจะได้ตะเกียกตะกายมาดูด้วยตาตัวเอง..
เพราะถ้าบอกความจริงไปแล้วจะทำให้ขาดความเร้าใจ...ฮ่าๆๆ..นี่เค้าไม่ได้โกหกหลอกลวงนะ..เพียงแค่ไม่พูดให้หมดด้วยเพราะหวังผลประโยชน์ครับ..

[..รายการทีวีที่ผมดูเค้าก็ไม่บอกให้รู้ว่าเป็นงานศิลป์นะ..ทิ้งให้คลุมเครือไว้อย่างนั้น...ให้ผู้คนสงสัยจะได้ตะเกียกตะกายมาดูด้วยตาตัวเอง..เพราะถ้าบอกความจริงไปแล้วจะทำให้ขาดความเร้าใจ...ฮ่าๆๆ..นี่เค้าไม่ได้โกหกหลอกลวงนะ..เพียงแค่ไม่พูดให้หมดด้วยเพราะหวังผลประโยชน์ครับ..]

...นึกว่าเป็นโครงกระดูกจริงซะอีก...

..รายการทีวีที่ผมดูเค้าก็ไม่บอกให้รู้ว่าเป็นงานศิลป์นะ..ทิ้งให้คลุมเครือไว้อย่างนั้น...ให้ผู้คนสงสัยจะได้ตะเกียกตะกายมาดูด้วยตาตัวเอง..
เพราะถ้าบอกความจริงไปแล้วจะทำให้ขาดความเร้าใจ...ฮ่าๆๆ..นี่เค้าไม่ได้โกหกหลอกลวงนะ..เพียงแค่ไม่พูดให้หมดด้วยเพราะหวังผลประโยชน์ครับ..