อุปกรณ์โดยรวมนี้ราคาเท่าไรครับ
การถ่ายภาพมาโคร ถามราคาอุปกรณ์โดยรวมนี่ต้องชี้แจงกันยาวเลยครับ
เอาเป็นว่า.... การชี้แจงของผมเริ่มที่ว่า มีกล้อง Dslr หรือ มิลเล่อร์เลท อยู่แล้วนะครับ จะยี่ห้ออะไรก็แล้วแต่
1. ระดับเริ่มต้นด้วยราคาที่ถูกที่สุด คือ ใส่ฟิลเตอร์ โคสอัฟ มี 3 ระดับคือ +1,+2, +3 ราคาทั้งชุดอยู่ที่ราวๆ 300-500 บาท เอาฟิลเตอร์ไปใส่ที่หน้าเลนส์ที่เรามีอยู่ เช่น 18-55mm จะทำให้เลนส์สามารถโฟกัสเข้าใกล้สิ่งที่ต้องการถ่ายได้มากขึ้น
ข้อดีคือ ราคาถูก และง่ายต่อการกลับไปใช้โหมดถ่ายภาพปรกติได้ง่าย เพียงแค่หมุนฟิลเตอร์ออกเท่านั้น
ข้อเสียคือ โดยส่วนใหญ่แล้ว จะได้ภาพไม่ชัดเจน ไม่คมเท่าที่ควร โดยเฉพาะที่ริมขอบภาพ และยังไม่สามารถถ่ายใกล้มากๆได้ ได้อัตราขยายราวๆ 1/2 เท่านั้น
งานที่เหมาะคือการถ่ายภาพดอกไม้ที่ต้องการเน้นให้ได้ภาพที่ใกล้ขึ้น
2. ระดับที่สองนี้ ราคาเริ่มต้นอาจจะสูงขึ้นมาอีกนิด คือการใส่ท่อมาโคร TUBE หากเป็นยี่ห้อนอกค่ายดังๆ เช่นของจีน ชุดหนึ่งมี 3 ท่อน ราคาประมาณ 1500 บาท (ถ้าเป็นของแท้ตามยี่ห้อของกล้องก็ประมาณ 3500-5000 บาท) เอามาใส่ต่อกับเลนส์ที่ใช้ (เช่นเลนส์ 18-55mm) ใส่ระหว่างกล้องกับเลนส์ ก็จะทำให้สามารถเข้าใกล้วัตถุที่จะถ่ายได้มาขึ้นเช่นกัน
ข้อดีคือ ราคาไม่แพงนัก เข้าใกล้วัตถุได้มากพอสมควร โดยสามารถได้อัตราขยาย 1/1 ทีเดียว (ขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้) และโดยส่วนใหญ่ ความคมชัดของภาพที่ได้ ขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้ตัวนั้นๆ
ข้อเสียคือ เมื่อต่อท่อมาโคร จะเสียแสงไปเล็กน้อย ทำให้สปรีสชัตเตอร์ต่ำลง และเมื่อจะกลับไปใช้ถ่ายภาพปรกติ ต้องเสียเวลาถอดท่อมาโครออกก่อน
งานที่เหมาะคือ ดอกไม้ขนาดเล็ก แมลงบางชนิด เช่น ผีเสื้อ แมงปอ ฯลฯ
3. ระดับที่สามนี้ คือการใช้ท่อกลับเลนส์ โดยมีอุปกรณ์พิเศษที่สั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ เอามาใส่ระหว่างกล้องกับเลนส์ (คล้ายๆในข้อสอง) แต่วิธีการขั้นตอนนี้คือ แทนที่จะเอาหน้ากล้องส่องวัตถุ แต่กลับเอาทางก้นเลนส์ออกไปส่องวัตถุแทน หันหน้าเลนส์เข้าหากล้อง อุปรณ์พิเศษนี้ มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1500-2000 บาท (สินค้าจีน) โดยของแท้ยี่ห้อตามกล้องไม่มีขาย ผลของการใส่อุปกรณ์พิเศษนี้ คือ ทำให้ได้อัตราขยายสูงมาก โดยสามารถขยายได้ตั้งแต่ 1/1 ไปจนถึง 5/1 หรือ 5 เท่าเลยทีเดียว (ซึ่งใหญ่กว่า 5เท่าในที่นี้ หมายถึงภาพที่ปรากฎลงบนเซนเซ่อร์รับภาพนะครับ ไม่ใช่ภาพที่เอาไปขยายอีกที) เรียกได้ว่า เข้ามาถึงระดับซูปเปอร์มาโครกันทีเดียว (ขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้) ด้วยราคาที่จับต้องได้ไม่ยากนัก
ข้อดีคือ ราคายังไม่แพงมากนัก ให้อัตราขยายสูงมาก ให้ภาพคมชัดมาก (ขึ้นอยู่กับเลนส์ที่ใช้ด้วย)
ข้อเสียคือ ค่อนข้างยุ่งยากในการใช้ มีขั้นตอนในการประกอบ และเก็บ และเมื่อต่อกับอุปกรณ์พิเศษแล้ว จะไม่สามารถไปถ่ายอื่นๆได้ ต้องถ่ายมาโครอย่างเดียว (เพราะขั้นตอนในการประกอบและถอดเยอะ จึงไม่เหมาะที่จะต้อง ใส่ๆถอดๆ) และความชัดลึกของภาพน้อยมากๆ ทำให้เวลาใช้ควรต้องตั้งค่ารูรับแสงแคบๆ จึงต้องถ่ายในที่ ที่มีแสงมาก หรือต้องใช้ร่วมกับไฟแฟลชส่องสว่าง หรือต้องดัน ISO สูงๆ
4. ระดับที่สี่นี้ คือการเปลี่ยนไปใช้เลนส์มาโคร ซึ่งเลนส์มาโครก็มีหลายระดับ และหลายราคา อยู่ระหว่าง 10,000 - 70,000 บาท โดยส่วนใหญ่ จะทำมามีอัตราขยายสูงสุดอยู่ที่ 1/1 มีทั้งเลนส์ในค่าย และเลนส์นอกค่าย
ข้อดีคือ ใช้ง่าย สะดวก เหมือนเลนส์ทั่วไป จะใช้ถ่ายมาโคร หรือจะใช้ถ่ายอื่นๆได้ทันทีโดยไม่ต้องถอดเปลี่ยนทางเลนส์
ข้อเสียคือ ราคาแพง จะแพงมาก-น้อย ขึ้นอยู่ที่ยี่ห้อเลนส์และขนาดทางยาวโฟกัสของเลนส์นั้นๆ
5. ระดับที่ห้านี้ คือการใช้เลนส์ที่เรียกว่า ซูปเปอร์มาโคร เลนส์ในตระกูล MP (ยี่ห้อของแคนนอน) ซึ่งสามารถให้ถ่ายภาพได้ในระดับ 5/1 หรือ 5 เท่า เรียกว่าซูปเปอร์มาโคร เป็นเลนส์ที่เหมาะกับงานมาโครพิเศษจริงๆ (น้องๆกล้องจุลทรรศ์ เพราะกล้องจุลทรรศ์ อัตราขยายเริ่มที่ราวๆ 20 เท่า) และมันจึงเหมาะกับช่างภาพที่มีฝีมือทางการถ่ายภาพมาโคร และต้องการผลภาพจากมาโครจริงๆเท่านั้น เพราะเลนส์ ถูกออกแบบมาให้ใช้ถ่ายมาโคร โดยเฉพาะจริงๆ
ข้อดีคือ ไม่ยุ่งยากในการใช้มากนัก และให้อัตราขยายสูงมาก
ข้อเสียคือ เลนส์มีราคาแพงมาก และน้ำหนักเลนส์เยอะ ทำให้เมื่อยล้าได้ง่าย เมื่อต้องถือถ่ายนานๆ
บทความนี้ ผมยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายเรื่องไฟแฟลชนะครับ ซึ่งเชื่อว่า คนที่อยากเล่นภาพถ่ายแนวนี้ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ราคาแฟลชต้องอีกเท่าไร และภาพบางภาพ อาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็เป็นได้ เช่น การถ่าย ดอกไม้ ผีเสื้อ แมงปอ เป็นต้น
อ่านแล้วก็ลองเอาไปพิจารณาว่า เราเหมาะกับระดับไหน และเงินในกระเป๋ามันพร้อมมั๊ย....... ครับ